สุดรันทด!! ลูกชายเหยื่อตำรวจปืนลั่น หลั่งน้ำตา ขาดพ่อห่วงไม่ได้เรียนต่อ ญาติยันผู้ตายเป็นคนสู้ชีวิต เลี้ยงลูกเพียงลำพัง
วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับคดีตำรวจยิงชายเมาอาละวาดเสียชีวิต ขณะเข้าไปควบคุมระงับเหตุ กรณี ร.ต.ท.วิจิตร บางปา อายุ 58 ปี รองสารวัตรสืบสวน ปฏิบัติงานป้องกันปราบปราม สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เข้าไปควบคุมเหตุหลังมีญาติแจ้งให้ไปควบคุมตัว นายลำเพย จำปา หรือปุ้ง อายุ 48 ปี เมาอาละวาด ภายในบ้านเลขที่ 274 หมู่ 1 ต.บ้านค้อ จนกระทั่งเกิดเหตุเศร้าสลด เนื่องจากมีการทำร้ายร่างกายกันโดยนายลำเพย ใช้อาวุธมีดฟันตำรวจ ขณะพยายามเข้าไประงับเหตุ เกิดการต่อสู้กัน และทางร.ต.ท.วิจิตรได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ยิงจนเสียชีวิต แต่หลังเกิดเหตุทางญาติ ได้ นำหลักฐานคลิปเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่ และเรียกร้องขอความเป็นธรรม และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายดังกล่าว เพื่อเอาผิดตามกฎหมาย เนื่องจากกระทำเกินกว่าเหตุ เเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทางด้าน พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก.สภ.โพนสวรรค์ ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น กับ ร.ต.ท.วิจิตรฐานความผิด กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยทางพนักงานสอบสวนพิจารณา ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะเชื่อว่าจะไม่หลบหนี ไม่ต้องส่งตัวขออนุมัติศาลขอฝากขัง นอกจากนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ ให้ไปช่วยราชการ ประจำที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินคดี ทั้งนี้ทางตำรวจยืนยัน ว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และจะไม่เข้าข้างตำรวจ หากพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ซึ่งยังต้องรอการสอบสวน รวมถึงส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จังหวัดขอนแก่น ในเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม นี้ เพื่อนำมาสรุปพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งฟ้องต่อไป ในส่วนของคดีอาญา หากพบหลักฐานเพิ่มเติมจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก และในส่วนของการสอบสวนทางวินัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และรอผลสรุปตามขั้นตอน มีโทษสูงสุดถึงไล่ออกจากราชการ
ขณะเดียวกันทางด้าน นางสาวโยธกา จันทองหลาง อายุ 30 ปี หลานสาวผู้ตาย ออกมายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวทางญาติพี่น้อง ยังรับไม่ได้ เพราะเชื่อว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ปืนลั่น แต่เป็นการจ่อยิงจากอารมณ์ของตำรวจ มีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ และยังมีคลิปหลักฐานยืนยัน ถือว่าโหดร้ายเกินไป ส่วนพื้นฐานของนายลำเพยผู้ตาย เป็นคนขยันทำงานรับจ้างทุกอย่าง ชีวิตน่าสงสาร เมียแยกทางกัน จึงต้องดูแลลูกชาย ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งมีแม่ของตนที่เป็นพี่สาวคือ นางทองคำ เคนโสม ดูแลช่วย โดยนายลำเพยจะไปรับจ้างทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ดูแลลูกชายตลอด เป็นคนต่อสู้ชีวิต ปัจจุบันลูกชายคนเดียวอายุ 15 ปีแล้ว สำหรับปัญหาพฤติกรรมของนายลำเพย เมื่อประมาณ 1-2 ปี ที่ผ่านมา เริ่มติดเหล้า บางทีเมาขาดสติโวยวาย แต่ไม่เคยมีประวัติทำร้ายใคร แต่พอหายเมาจะคุยรู้เรื่องไม่ค่อยพูดจากับใคร หลังทำงานรับจ้างก็จะเอาเงินมาให้พี่สาว เหลือติดกระเป๋ากินเหล้าบางวันเท่านั้น บางส่วนจะแบ่งให้ลูกชายไว้ใช้ขณะไปเรียนหนังสือ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่แจ้งตำรวจที่ก่อเหตุยิงนายลำเพยมาควบคุมเหตุ แล้วนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพักจากนั้นเรื่องจบไป พอครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย ติดใจที่สุดคือนายลำเพยกำลังจะขับรถจักรยานยนต์หนีออกไปเพราะเห็นตำรวจมา สุดท้ายตำรวจนายนี้ กลับเปิดฉากถีบรถจักรยานยนต์จนล้มลง และพยายามเอาไม้ง่ามมาคุมตัว แต่นายลำเพย ฮึดสู้เอามีดฟันตำรวจ คืนจนได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงชักปืนยิงที่ขา พอทรุดลง มีญาติพยายามเข้าไปห้าม แต่ตำรวจไม่ฟัง เดินเข้าไปเตะจ่อยิงซ้ำจนตาย
โดยนางสาวโยธกากล่าวอีกว่า หลังสูญเสียนายลำเพยไป ไม่เพียงความโศกเศร้าในครอบครัว แต่สิ่งที่ตามมาคืออนาคตของหลานชายอีกคน ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของเขาคือ น้องต้นเพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปกติผู้ตายจะไปหารับจ้างนำเงินมาให้ลูกชาย ไว้ไปเรียนอาทิตย์ละ 100 -200 บาท เพราะน้องอยากเรียนหนังสือให้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอยากไปทำงานหาเงินมาดูแลพ่อ เพราะสงสารพ่อ สุดท้ายต้องมากำพร้าพ่ออีก ทุกวันนี้หลังพ่อตาย น้องต้น ต้องไปทำงานรับจ้างรายวัน ได้เงินวันละ 100 -200 บาท มาดูแลตัวเอง และเก็บไว้ไปเรียนเพราะความหวังน้องต้น อยากเรียนให้จบมัธยมตอนปลาย
ด้านน้องต้นลูกชายคนเดียวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมาก ที่มาสูญเสียพ่อ เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ต้องอาศัยอยู่กับ พ่อ และพี่น้องตามสภาพ ที่จำความได้ พ่อดูแลตลอดหาเงินมาให้ โดยทำงานรับจ้างหาเงินมาให้ อาทิตย์ละ 100 -200 บาท ให้ลูกเก็บไปเรียนหนังสือ พ่อขยัน ทำงานทุกรูปแบบ เพื่อแลกเงินมาใช้จ่าย เสียใจมากที่พ่อมาถูกยิงตาย ยอมรับว่าช่วงหลังพ่อเมาโวยวาย แต่ทุกคนเข้าใจ เพราะไม่เคยไปทำร้ายใคร แค่โวยวายคนในครอบครัว พอได้เงินก็หนีไป ดื่มเหล้า การกระทำของตำรวจมันรุนแรงไป อยากให้คนที่ทำผิดรับผิดชอบครอบครัว ชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สำคัญที่สุดตนอยากเรียนหนังสือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะสู้ทำงานรับจ้าง ขอเพียงได้จบแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อจะเป็นพื้นฐานไปทำงาน เพราะหากเรียนสูงกว่านี้คงไม่มีเงินพอ และอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากไปทำงานเมืองนอกหาเงินมาสร้างบ้าน เพราะทุกวันนี้อยู่กับญาติ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: