หนองคาย – เด็กชายที่หนองคาย เล่นพิเรนทร์แกะดินปืนจากประทัดลูกบอลยัดท่อพีวีซี ชวนเพื่อน 5 คน ไปจุดเล่น ประทัดแตกระเบิดทำมือเละ เจ็บหนัก 2 คน ส่วนที่เหลือโดนสะเก็ดกระเด็นตามตัวเจ็บไปด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเด็กได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัด จึงไปตรวจสอบที่หมู่บ้านกุดแกลบ หมู่ 4 ต.นาหนัง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พร้อมด้วย ร.ต.อ.สดใส แพงงา รอง สวป.สภ.โพนพิสัย พบชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังจับกลุ่มสนทนาถึงเหตุการณ์กันอยู่ ทราบว่า เด็กชายในหมู่บ้าน 5 คน อายุระหว่าง 10-13 ปี พากันเล่นประทัดแล้วประทัดระเบิดใส่มือและตามร่างกายได้รับบาดเจ็บ
นางตุ๊ ตังโอด อายุ 66 ปี ยายของ ด.ช.ศิริชัย พระลาด อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ซึ่งนำประทัดไปเล่น บอกว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเพื่อนบ้านวิ่งมาบอกว่าหลานชายกับเพื่อนได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัด ขณะนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองคาย โดยมือขวาของหลานชายถูกแรงระเบิดจนเละ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนองคายพร้อมกับเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บด้วยกัน 3 คน
ด้าน ด.ช.นาวา จาริวงศ์ อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.5 เล่าว่า เวลาประมาณ 07.00 น. วานนี้ พี่ ๆ ได้มาชวนไปดูการจุดประทัดเล่นที่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งกลุ่มพี่ได้ประดิษฐ์ประทัด โดยนำประทัดลูกบอลซึ่งตนไม่ทราบว่าใช้กี่ลูก แกะเอาดินปืนยัดใส่ท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้ว ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ต่อชนวนออกมา 1 อัน แล้วพากันชักชวนเด็กผู้ชายในหมู่บ้านรวม 5 คน ไปเล่นด้วยกัน โดยตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนถือประทัดและใครเป็นคนจุดประทัด เพราะตนกลัวจึงไปยืนหลบอยู่หลังเสาห่างจากจุดที่มีประทัดประมาณ 8 เมตร รออยู่นานไม่ได้ยินเสียงประทัด ก็เลยหันหน้ากลับมาดู ก็เป็นจังหวะที่ประทัดระเบิดตูมขึ้น มีเศษกระเด็นใส่ลำตัวตนเองได้รับบาดเจ็บหายแห่ง หัวแตก เพื่อนอีกคนหนึ่งสะเก็ดระเบิดถูกริมฝีปาก ส่วนพี่อีก 3 คนที่ถือประทัดเห็นแต่กองเลือดเต็มไปหมด ไม่นานชาวบ้านก็มาช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลโพนพิสัย
ร.ต.อ.สดใส แพงงา รองสวป.สภ.โพนพิสัย กล่าวว่า ขอให้ผู้ปกครองตักเตือนบุตรหลานไม่ให้ซื้อประทัดมาเล่นไม่ว่าในกรณีใด เพราะเป็นอันตราย ยิ่งในช่วงใกล้จะออกพรรษา มักจะมีการเล่นประทัดในหลายพื้นที่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้เข้มงวดกวดขันห้ามซื้อห้ามขายประทัดดอกไม้เพลิง หลังจากนี้ก็จะได้เข้มงวดตรวจสอบตามร้านค้าต่าง ๆ มากขึ้น เพราะการจำหน่ายพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง หากไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตามกฎหมาย.
……………………..
