สงขลา – สะเดา รพ.สต.ปริก จับมือผู้นำหมู่บ้าน อสม.และจิตอาสาฯกว่า 200 คน ร่วมรณรงค์ให้ความรู้แก่ชาวบ้าน พร้อมทั้งช่วยกันทำความสะอาดฆ่าลูกน้ำยุงลาย ต้นตอของโรคไข้เลือดออก หลังจากพบสถิติมีผู้ป่วยมากที่สุดใน อ.สะเดา
18 ต.ค.61 เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ปริก ร่วมกับ อสม. เจ้าหน้าที่ อบต.ปริก และชาวบ้านจิตอาสา บ.ตะเคียนเภา ม.4 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา รวมประมาณ 200 คน ได้จัดกิจกรรมกำจัดลูกน้ำยุงลายขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงหน้าฝนของทุกปี โดยในอำเภอสะเดา เฉพาะพื้นที่ ต.ปริก พบผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกสูงถึง 11 ราย
นายประเทือง แก้วสารพัดนึก นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.สต.ปริก บอกว่าสถานการณ์ของไข้เลือดออกใน ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม แต่มาหนักในช่วงปลายเดือนสิงหาคม จนถึงตอนนี้ พบผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้นรวม 11 ราย ซึ่งทาง รพ.สต.ปริก และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการออกไปให้ความรู้ในการป้องกันเบื้องต้น รวมถึงการออกไปร่วมกันช่วยทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะของโรค
ที่ผ่านมาพบว่าชาวบ้านบางส่วนยังขาดการให้ความร่วมมือ อย่างเช่นเวลาจะทำการพ่นหมอกควัน เพื่อกำจัดยุงตัวแก่ ชาวบ้านก็ไม่ยอมให้พ่น เพราะกลัวว่าสัตว์เลี้ยงจำพวกนกจะได้รับอันตราย แต่จากการทำความเข้าใจต่อมาชาวบ้านเริ่มให้ความร่วมมือมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เหมือนกับเป็นจิตอาสาฯ ที่เข้าไปช่วยกันเก็บเศษขยะ เศษโฟมที่อยู่ตามข้างทาง ซึ่งส่วนมากเป็นเศษพลาสติก มีน้ำขังและเป็นที่วางไข่ของยุงลายได้ มีการไปคว่ำกะลา ยางรถยนต์ และใส่ทรายอะเบทในภาชนะที่มีน้ำเพื่อกำจัดตัวอ่อนยุง และประชาสัมพันธุ์ให้ชาวบ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่รอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เพื่อจะควบคุมและหยุดโรคนี้ให้ได้
สำหรับข้อมูลของโรงพยาบาลสะเดา เกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกใน อ.สะเดา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ถึงปัจจุบัน โรงพยาบาลมีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 96 ราย เป็นเพศชาย 51 ราย เพศหญิง 45 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 95.52 ต่อประชากรแสนคน โดยยังไม่พบผู้ป่วยที่เสียชีวิตแต่อย่างใด ซึ่งจากรายงานพบว่าในเดือนสิงหาคมมีผู้ป่วยมากที่สุดคือ 20 ราย ส่วนพื้นที่ที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ ต.ปริก
และพบว่าในชุมชนที่มีบ้านเรือนหนาแน่น จะเป็นแหล่งที่มีการแพร่ระบาดของโรคได้ง่าย เนื่องจากมีแหล่งน้ำที่เหมาะกับการวางไข่ของยุงลายจำนวนมาก โดยเฉพาะในคูต่างๆที่มีเศษขยะ และเมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปกำจัดก็ทำได้ยากเนื่องจากเจ้าของบ้านมักจะไม่อยู่ แต่สาเหตุเหล่านี้สามารถช่วยและป้องกันได้ คือเจ้าของบ้านและทุกๆคนนั่นเอง
