หัวหน้าคณะทำงาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ตรวจสอบสวนปาล์มน้ำมัน และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดินกันตัง หลังกรมที่ดินยังไม่ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธินส.3 ก.ของนายทุน เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ ที่ออกผิดตำแหน่ง และเนื้อที่ไม่ตรงกับหลักฐานเดิม (ส.ค.1) หลังเวลาผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี แต่กรมที่ดิน ยังยืดเยื้อ ไม่ดำเนินการเพิกถอน ทำชาวบ้านเดือดร้อนเสียสิทธิในที่ดินทำกิน และทำรัฐเสียผลประโยชน์ เนื่องจากมีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนด้วย ยื่นคำขาดต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. และพร้อมเอาผิดเจ้าหน้าที่ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันที่ 7 สิงหาคม 2563 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร ลงตรวจสอบพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของนายทุน เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ ในพื้นที่บ้านทุ่งไพร หมู่ 5 ต.วังวน อ.กันตัง จ.ตรัง หลังชาวบ้านร้องเรียนว่า กรมที่ดินดำเนินการล่าช้าในการเพิกถอน น.ส.3 ก. จำนวน 11 ฉบับ ออกจากสารบบที่ดิน ตามมติของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 หลังตรวจสอบแล้วพบว่าออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ทั้ง 11 ฉบับดังกล่าว ออกมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2533 โดยออกผิดตำแหน่ง และเนื้อที่มากว่าหลักฐาน ส.ค.1 เดิม และยังออกทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน มีการฟ้องขับไล่ชาวบ้านเจ้าของที่ดินเดิมออกจากพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นพยาน และบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมายาวนาน ซึ่งกรมที่ดินได้มีหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามมาตรา 61 แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดินที่ประชุมมีมติ 6 – 0 เสียง เห็นควรเพิกถอน เนื่องจากออกหลักฐานจากที่ดินแปลงอื่น และส่งเรื่องให้กรมที่ดิน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลังจากนั้นกรมที่ดินได้มีหนังสือให้ตรวจสอบบางประเด็น คณะกรรมการได้ประชุมและควรให้เพิกถอน กระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้ที่ดินจังหวัดตรังดำเนินการแก้ไขและตรวจสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วปีเศษ การดำเนินการของที่ดินจังหวัดตรังยังไม่แล้วเสร็จ โดยมีนายพิเชษ สายชู เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตังคนใหม่ ลงพื้นที่คอยชี้แจงด้วย ทั้งนี้ มีการตั้งโต๊ะรับทราบปัญหาของชาวบ้านเป็นรายแปลงที่ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดินขณะนั้น นำ ส.ค.1 ไปออกเป็น น.ส.3 ก.รวมเป็นแปลงใหญ่ และออกทับที่ดินทำกินของชาวบ้านให้แก่นายทุน และต่อมานายทุนฟ้องขับไล่ชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมออกจากพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเป็นพยานให้แก่ฝ่ายนายทุน และคณะอนุกรรมการ
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของสวนปาล์มน้ำมันดังกล่าว แต่ในที่นี้ ไม่สามารถจะเดินทางเข้าไปด้วยรถยนต์ได้ เพราะขณะนี้ถูกนายทุนผู้ถือครองที่ดินทำรั้วปิดกั้น ไม่ให้เจ้าของที่ดินเดิม และบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ได้ จึงต้องนั่งเรือหางยาว ลัดเลาะเข้าไปตามลำคลองเดิมที่ชาวบ้านเคยเข้าไปทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้พบว่ามีการถมคลองสาธารณะเดิม เปลี่ยนเส้นทางไหลของน้ำ บุกรุกเพิ่มเข้าไปในป่าชายเลน เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันด้วย ทำให้ต้องลัดเลาะไปตามลำคลองใหม่ที่รกรุงรังอย่างทุลักทุเล
ข่าวน่าสนใจ:
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ลงพื้นที่มาตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง และรับฟังปัญหาของชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดิน ร่วมมือกับนายทุนขณะนั้น นำเอาเลขที่ ส.ค.1 เดิมของชาวบ้าน ไปออกเป็น น.ส.3 ก.ทั้ง 11 ฉบับ เนื้อที่รวมกว่า 600 ไร่ จากส.ค.1 เดิม เพียง 100 ไร่เศษเท่านั้น พบว่าที่ผ่านมาชาวบ้านร้องเรียนไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความเป็นธรรม จนหมดที่มีในประเทศไทยแล้ว และต่อมา กบร.จังหวัดตรัง ก็มีมติตั้งแต่ปี 2560 เสนอกรมที่ดินให้เพิกถอน น.ส.3 ก.ออกจากสารบบที่ดิน และกรมที่ดินก็แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซ้ำตามกฎหมาย แต่กระบวนการล่าช้ามาก ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยสายตาเห็นชัดว่า พื้นที่นี้สมควรจะเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ส่วนการออกเอกสารสิทธิก็พบว่า มีข้อพิรุธ และยืนยันด้วยการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆแล้วพบว่า การออกเอกสารสิทธิดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีการเอาส.ค.1 ไปออกเป็น น.ส.3 ก.ไม่ตรงกับตำแหน่งเดิม และมีการออกทับที่ ส.ค.1 ของชาวบ้านบางรายด้วย ซึ่งทางเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง ก็ได้ชี้แจงให้ทราบว่า มีหนังสือจากกรมที่ดินให้ดำเนินการ หลังจากนี้ทางที่ดินกันตัง จะเร่งเรียกประชุมคณะกรรมการที่กรมที่ดินแต่งตั้งมาให้เร็วที่สุดไม่เกินวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เมื่อประชุมคณะกรรมการแล้วเสร็จก็จะเรียกชาวบ้านที่ถือเอกสาร ส.ค.1 เดิม ไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ถ้ามีเอกสารเดิมที่สอบปากคำไปแล้วใช้ได้ก็จะใช้ของเดิม แต่ถ้าข้อมูลยังไม่ครบก็จะสอบเพิ่มรวมทั้งข้างเคียง จากนั้นจะประมวลผลรายงานไปที่กรมที่ดินให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน จากนี้ไปจะไม่ให้เกิน 60 วัน จากนั้นเมื่อกระบวนการไปถึงกรมที่ดิน ขั้นตอนต่อไปกรมที่ดินก็จะต้องมีคำสั่งออกมา ทั้งนี้ ในส่วนของขั้นตอนที่ที่ดินกันตัง จะประชุมกรรมการ และสอบปากคำชาวบ้านเพิ่มเติมนั้น ในส่วนของตนเองจะนำเรื่องปัญหาดังกล่าวเข้าคณะกรรมาธิการที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร จะเชิญอธิบดีกรมที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง เพื่อให้เรื่องจบ เพราะอำนาจการเพิกถอนเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องได้ข้อยุติเสียที โดยตนเองก็ได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้วว่า ถ้าถึงที่สุด กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.ออกจากสารบบที่ดิน ก็เชื่อว่าทางเจ้าของผู้ครอบครองก็มีสิทธิจะดำเนินการฟ้องร้อง ก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกในกระบวนการศาล แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามั่นในระบบยุติธรรมว่า ถ้าที่ดินเป็นของใครก็ต้องเป็นของคนนั้น ไม่อาจเป็นอื่นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาทางที่ดินกันตัง ทำงานล่าช้า เปลี่ยนเจ้าพนักงานที่ดินไปแล้วหลายคน และไม่มีใครอยากแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทำให้กระบวนการเพิกถอนล่าช้ายาวนานมาแล้วกว่า 3 ปี จนถูกชาวบ้านและสังคมมองว่า เจ้าหน้าที่ที่ดินกันตัง ยื้อเวลา โดยมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากนี้ในฐานะที่เป็นคณะกรรมาธิการการที่ดิน จะติดตามเรื่องนี้อย่างไร ให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่รับปากไว้กับชาวบ้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า หลังจากนี้เชื่อว่าจะยื้อเวลาไม่ได้แล้ว เพราะกระบวนการผ่านมาหลายปีแล้ว โดยในที่นี้ มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.ตั้งแต่ปี 2533 ชาวบ้านเริ่มร้องเรียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2548 และมาร้องเรียนอีกครั้งตั้งแต่ปี 2558 กระบวนการผ่านมากว่า 15 ปี และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเอกสารหลักฐานก็ชัดเจนไม่ควรเป็นอื่น นอกจากนั้นที่ยื้อต่อไปอีกไม่ได้ เพราะกรมที่ดินมีหนังสือสั่งการมาถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จ หลังจากนี้ถ้ากระบวนการการทำงานของกรมที่ดิน และระบบราชการยังยื้ออีก ส่วนตัวเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว เพราะทุกอย่างชัดเจน และคณะกรรมาธิการการที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร ก็จะเกาะติดเรื่องนี้ จะไม่ปล่อยให้ยืดเยื้ออีกต่อไป ส่วนการยกเลิกเพิกถอนก็จะเป็นกระบวนการขึ้นต่อไป ส่วนตัวก็มองว่าจะยื้อไม่ได้อีกต่อไป และตกเป็นข่าวทางสื่อมวลชนด้วย และคิดว่าคนที่ยื้อเรื่องนี้ต่อไป จะต้องระวังจะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนตัวก็จะติดตามด้วย เพื่อให้เรื่องจบให้ได้ในยุคตน ขณะเดียวกันเตรียมตรวจสอบเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าฯในพื้นที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิดนายทุน ตามคำสั่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่สั่งการให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบงเข้าแจ้งความเอาผิดนายทุนรายดังกล่าว ฐานบุกรุกพื้นที่
ขณะที่นายพิเชษ สายชู เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตัง กล่าวว่า ตนเองก็จะเร่งเรียกประชุมคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการรวบรวมหลักฐาน เพื่อเสนอกรมที่ดินให้เพิกถอน น.ส.3 ก.ตามมติคณะกรรมการโดยเร็วที่สุด โดยยืนยันจะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่หัวหน้าคณะอนุกรรมาธิการฯ กำหนด เสนอกรมที่ดินให้ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และยืนยันจะไม่ย้ายออกจากพื้นที่ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในสมัยตนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาประมาณ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ที่มีการร้องเรียน โดยมีการตรวจสอบอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนได้ติดตามทำข่าวพบว่า ปัญหาการดำเนินการเพื่อเพิกถอน น.ส.3 ก.ออกจากสารบบ ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินอ.กันตัง ดำเนินการอย่างล่าช้า และมีการขอย้ายออกจากพื้นที่ของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขากันตังแล้วหลายคน โดยแต่ละคนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวหรือดำเนินการใดๆให้แล้วเสร็จ จึงถูกมองว่าอาจจะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง และมีการขอย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้วหลายราย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: