หญิงวัย 58 ปี พิการหูตึงสุดรันทดในชีวิตรายได้ 50 บาทต้องเลี้ยงหลาน 3 คน ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งอุทัยธานี รุดช่วยเหลือ
วันที่ 11 สิงหาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ไปพบ นางชำนาญ เหล่าขาน อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 4 บ้านทุ่งใหญ่ ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งขณะนี้นางชำนาญนั้นหูนั้นตึงไม่สามารถได้ยินเวลาคนพูดได้ ซึ่งครอบครัวนี้ทางศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งอุทัยธานี ได้สำรวจแล้วพบว่า ชีวิตอันสุดแสนรันทดของนางชำนาญนั้นอย่างยากลำบาก มีอาชีพรับจ้างเป็นคนตักอาหารในโรงเรียนใกล้บ้าน โดยได้ค่าจ้างวันละ 50 บาท สภาพบ้านนั้นเป็นกระท่อมเล็กๆที่มุงด้วยสักกะสีซึ่งติดอยู่กับพื้นดิน ภายในกระท่อมนั้นคับแคบสภาพเก่า สังกะสีที่มุงนั้นเป็นรูพรุนเต็มไปหมดเวลาฝนตกนั้นภายในบ้านข้าวของเสื้อผ้านั้นต้องเปียกฝน ห้องน้ำนั้นก็มุงด้วยสังกะสีสภาพเก่า โดยกระท่อมหลังนี้ที่อาศัยอยู่นั้นอาศัยที่ของญาติกันมาปลูกกระท่อมอยู่
นางชำนาญ นั้นมีลูกสาวสองคน คนโตก็คือนางน้ำอ้อย มาแก้ว อายุ 33 ปี ซึ่งทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัดและได้เลิกรากับสามี จึงได้ทิ้งลูกไว้ให้นางชำนาญเลี้ยง 2 คน เป็นเด็กหญิงที่กำลังเรียนอยู่ ป.6 และคนน้องก็เป็นผู้หญิงเรียนอยู่ชั้น ป.3 ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นอยู่ใกล้บ้านของนางชำนาญ แต่ก็ไม่สามารถมาช่วยเหลืออะไรนางชำนาญได้ เพราะมีอาชีพรับจ้างไปล้างจานที่เดียวกับนางชำนาญโดยมีรายได้วันละ 100 บาท แต่ลูกสาวคนเล็กนั้นก็มีครอบครัวและมีลูกชาวในวัยประมาณ 4 ขวบ บางครั้งก็จำต้องฝากนางชำนาญนั้นเลี้ยงดู ซึ่งครอบครัวนี้ นางชำนาญ ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวพิการเพราะหูตึง ใช้ชีวิตอย่างดิ้นรนเพื่อที่จะเลี้ยงหลาน 3 คน หากวันไหนป่วยหรือไม่สบายเพราะด้วยอายุที่มากขึ้นก็ไม่มีรายได้เลี้ยงหลานทั้งสามคนได้
โดยนายณรงค์ฤทธิ์ นุปิง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งอุทัยธานี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบ เงินสงเคราะห์ครอบครอบผู้มีรายได้น้อย เบื้องต้น 2,000 บาทและมอบถุงยังชีพให้กับครอบครัวของนางชำนาญและยังนำตุ๊กตาหมีมาให้เพราะหลานทั้ง 3 คนของนางชำนาญนั้นอยากได้ และเคยบ่นว่าตั้งแต่เกิดมานั้นไม่เตยมีของเล่นดีๆและอยากได้ตุ๊กตาหมีเป็นที่สุดซึ่งเด็กๆได้รับตุ๊กตาหมีไปสวมกอดด้วยความดีใจ นายณรงค์ฤทธิ์ ได้เปิดเผยว่าในขณะนี้กำลังให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลนั้นสำรวจว่านางชำนาญกับลูกสาวนั้นเหมาะสมกับการทำอาชีพอะไรและจะฝึกอาชีพได้กับครอบครัวนี้เพื่อให้มีอาชีพมั่นคงขึ้นเพื่อให้เกิดรายได้มาใช้จ่ายในครัวเรือนได้ส่วนการที่ลงเยี่ยมครอบครัวยากจนพ่อ-แม่แยกทางถูกทอดทิ้ง นั้นก็จะสำรวจและลงพื้นที่ทุกปี เพื่อให้เกิดการบรรเทาทุกข์ครอบครัวที่ยากจนแม่ในโอกาสใกล้ถึงวันแม่ 12สิงหาคม 2563 ที่จะถึงนี้
