ราชบุรี ในวันนี้( 11 ส.ค. 63 ) พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้เรียกย่า และป้าของ ด.ช.กัปตัน นามสมมุติ อายุ 6 ปี พร้อมด้วยนางสาวณัฐกาญจน์ แก่นจันทร์ รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโป่งยอ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มาพูดตกลงทำความเข้าใจกัน หลังจากที่เพจ “ มูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ” โพสต์ข้อความร้องทุกข์ พร้อมภาพร่างกายของเด็กชายที่มีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย โดยข้อความระบุว่า นางขวัญ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ผู้เป็นป้าร้องทุกข์ต่อนางสาว ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ว่า ด.ช. อายุ 6 ปี นักเรียนชั้น ป. 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ถูกครูประจำชั้นผู้หญิงทำโทษ โดยการใช้กิ่งไม้เฆี่ยนตีที่หลัง และแขนจนเป็นรอยแผล ตอนนี้มีอาการไข้ขึ้น ส่วนสาเหตุหลานบอกว่าครูโมโหอ้างว่าหลานดื้อ ซน ชอบแกล้งเพื่อน และไม่ตั้งใจเรียน นางขวัญ ผู้เป็นป้า ยังบอกว่า เดือนที่แล้วหลานของตนก็เคยถูกครูคนนี้ทำร้ายร่างกายมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยการหยิกจนเป็นรอยเขียวช้ำ ตามตัวและทุบหลัง ซึ่งตนได้ไปแจ้งให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนทราบ และได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่ครูคนดังกล่าวก็ได้ขอโทษ และบอกว่าจะไม่ทำอีก แต่ครั้งนี้ตนกับญาติยอมไม่ได้ เพราะครูทำเกินกว่าเหตุ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พร้อมกับเดินทางมาขอทางมูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมอีกทางหนึ่ง
ซึ่งพ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง ได้ตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กเมื่อถอดเสื้อพบด้านหลังและที่แขนมีรอยถูกไม้เฆี่ยนเป็นผื่นแดง ๆ สอบถามน้องกัปตันบอกว่าครูใช้ไม้ตีประมาณ 7 ครั้ง เพราะช่วงเรียนครูเหน่งได้สอนวิชาภาษาไทย และให้ผสมสระต่าง ๆ เพื่ออ่านเป็นคำ แต่ตัวเองผสมสระอ่านไม่ได้ ก็เลยถูกตี บอกไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อสอบถามรายละเอียดอยู่ประมาณ 30 นาที ก็ได้ให้ทางฝ่ายผู้ปกครองและน้องกัปตันออกไปอยู่อีกห้องหนึ่ง
จากนั้นจึงเรียกทางฝ่ายครูเหน่งซึ่งเป็นคู่กรณีที่ใช้ไม้เฆี่ยนตีเด็กเข้าไปพูดคุยสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น โดยครูเหน่ง ก็ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าได้ใช้ไม้ตีเด็กจริง และยอมรับผิด ทำไปเพราะอยากให้เด็กได้มีความรู้อ่านหนังสือออก
ด้านพ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวานทราบเรื่องจากมูลนิธิปวีณา หงสกุล แล้วว่า มีครูตีเด็กนักเรียน ให้ฝากดูแลเรื่องนี้ด้วย จึงให้ร้อยเวรนัดฝ่ายย่า และป้าของเด็ก และตัวเด็กมาที่โรงพัก พร้อมกับประสานรักษาการ ผอ.โรงเรียนมาพูดคุยถึงสาเหตุกัน ทราบจากทางย่าว่าเคยมีครูตีเด็กมาแล้วครั้งหนึ่งและมีการพูดตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนครั้งนี้ทราบสาเหตุว่าเด็กซน ไม่ค่อยเรียนหนังสือ จึงสอบถามทาง ผอ.โรงเรียน ทำให้ทราบว่าครูคนนี้เป็นคนมีอุดมการณ์การสอนหนังสือ อยากสอนเด็กให้รู้หนังสือเรียน สอบถามประวัติเด็กทราบว่าพ่อแม่แยกทางกัน อยู่ในความดูและของย่าและป้าช่วยกันเลี้ยงดู เป็นเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่ง
ส่วนร่องรอยที่พบจะมีบริเวณแขนและแผ่นหลังเป็นรอยช้ำ ๆ สอบถามเด็กเบื้องต้นบอกโดนไม้ตี ต่อมาครูได้มาขอโทษและจะไม่ให้เด็กเจอกับคุณครูคนนี้ และต่อไปคงจะไม่มีปัญหานี้อีก เบื้องต้นทางฝ่ายผู้ปกครองที่เรียกร้องมามี 4 ข้อ คือ ให้ครูคนนี้ย้ายออกจากโรงเรียนไปเลย ข้อ 2 ถ้าอยู่นอกฤดูกาลย้ายยังไม่สามารถย้ายไปได้ก็ขอไม่ให้ครูคนนี้ไปสอนชั้น ป. 1 อีก เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนของเด็กคนนี้ เพราะจะเป็นการทำร้ายจิตใจของเด็ก ข้อที่ 3 ถ้าย้ายแล้วไปสอนชั้นอื่นก็ไม่ให้มีพฤติกรรมตีเด็กแบบนี้ ข้อที่ 4 คือ จะมีค่ายาค่ารักษาดูแลของเด็กคนนี้
ช่วงจังหวะที่อยู่ระหว่างเจรจากันนั้น ทาง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้โทรศัพท์ประสานเข้ามาที่รักษาการ ผอ.โรงเรียน และให้ไปพูดคุยตกลงกันที่โรงเรียน ส่วนข้อสรุปได้ผลอย่างไรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยินดี ถ้าทางฝ่ายผู้เสียหายจะดำเนินการกับครู ทางตำรวจภูธรบ้านโป่งพร้อมที่จะดำเนินคดี แต่ถ้าตกลงกันได้ตามข้อตกลงดังกล่าว ก็จะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อไม่ให้ครูปฏิบัติแบบนี้อีกต่อไป ซึ่งขณะนี้ก็ระหว่างการเจรจาตกลงกัน เพราะผู้ปกครองเองก็ไม่อยากให้มีการดำเนินคดีกับครู
สำหรับชีวิตครอบครัวของน้องกัปตัน อายุ 6 ปี พ่อ แม่ แยกทางกัน มีเพียงย่า และป้า ที่คอยดูแลเลี้ยงดู ช่วงที่แม่ตั้งท้องได้คลอดก่อนกำหนดเพียง 7 เดือน แพทย์ตรวจพบน้องกัปตันป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือ โรคเลือดจางเพราะติดจากแม่ ทำให้คลอดก่อนกำหนด และเมื่อปีที่แล้วน้องกัปตันประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากภาวะเลือดคั่งในสมอง แพทย์ได้ให้ยาละลายลิ่มเลือด อาการดีขึ้นจึงมาเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวจนมาเจอกับเหตุการณ์ถูกครูตีเพราะดื้อและซนอีก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: