นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตท้องที่อำเภองาว เดินทางลงพื้นที่ชุมชนบ้านหนองเหียง หมู่ที่ 2 ตำบลนาแก อำเภองาว จังหวัดลำปาง เพื่อเยี่ยมเยือนให้กำลังใจเยาวชนเกษตรกรผู้ประกอบสัมมาชีพชุมชน ดูวิธีการทำการเกษตรไร่นาสวนผสม ของนายกฤษณพงศ์ ศรีพรหม อายุ 28 ปี เยาวชนเกษตรกรตัวอย่างหนึ่งในสมาชิกกลุ่มยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์อำเภองาว ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดวิถีการดำเนินชีวิต ประกอบสัมมาอาชีพทางด้านการเกษตร ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ จนได้สร้างความมั่นคงทางด้านอาชีพ สร้างความยั่งยืนในชีวิตช่วยให้ครอบครัวสามารถยืนหยัดพึ่งพาตนเองได้มีอยู่อย่างพอกินพอใช้
โดยนายกฤษณพงศ์ฯ ได้พาคณะชมการเกษตรไร่นาสวนผสม พร้อมให้รายละเอียดว่าเกษตรไร่นาสวนผสมบนพื้นที่กว้าง 4 ไร่ 1 งาน 43 ตารางวา ได้มีการจัดสรรพื้นที่เป็นสวนเกษตรแบบผสมผสาน มีทั้งที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งในส่วนของพื้นที่ทำกินได้มีการจัดสรรทำการขุดสระน้ำเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ สำหรับไว้ใช้ประโยชน์ในการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน และใช้เพื่อเสริมทำการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งได้ใช้ประโยชน์จากสระเพื่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ และปลูกพืชน้ำ อีกทั้งในส่วนพื้นที่ทำกินที่เหลือยังได้จัดแบ่งผืนที่ดินไว้ทำการปลูกพืชไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ต่างๆ พร้อมทั้งได้จัดสัดส่วนแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับทำการปลูกข้าวเพื่อเก็บไว้รับประทานภายในครัวเรือน ส่วนพื้นที่ที่เหลือได้ใช้เป็นอยู่อาศัยมีการจัดแบ่งพื้นที่ไว้ทำการปลูกบ้าน และจัดทำคอกไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ โดยพื้นที่ทั้งหมดเกษตรกรได้มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เป็นได้ทั้งแหล่งพื้นที่อาหารที่สามารถเลี้ยงคนในครอบครัวได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นแหล่งสร้างอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิตทั้งสัตว์เลี้ยงและพืชผลที่ปลูก
นายกฤษณพงศ์ฯได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่เกิดขึ้นว่า แต่ก่อนตนทำงานที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมลำพูนก่อนจะตัดสินใจได้ลาออกอยากกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมื่อ 3 ปีก่อนและมีแนวคิดอยากทำเกษตรโดยเริ่มทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาของครอบครัวบางส่วนมาใช้ทำเป็นสวนเกษตรแรกเริ่มได้ปลูกมะนาวในท่อซิเมนต์เพียงอย่างเดียวประมาณ 40 ต้น แต่รายได้ที่ไม่แน่นอนจึงได้คิดต่อยอดนำนกกระทามาเลี้ยงจำนวน 200 ตัว พร้อมพัฒนาศึกษาหาความรู้จนประสบความสำเร็จสามารถเพาะพันธุ์นกกระทาจำหน่ายได้เอง ทำให้ตนเริ่มมีรายได้ที่สม่ำเสมอและเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาว่างจึงได้มีการค้นคว้าเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องของการทำการเกษตร ทั้งจากสื่ออินเตอร์เน็ต รวมถึงได้ไปฝึกอบรมกับหน่วยงานต่างๆ ทำให้มีโอกาสได้เข้าถึงหลักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเกิดได้เป็นแรงบันดาลใจให้น้อมนำมาปฏิบัติใช้ ทำการปรับเปลี่ยนผืนที่ดินทำกินที่มีอยู่ทั้งหมดให้เป็นไร่นาสวนเกษตรแบบผสมผสาน โดยทำการขุดบ่อทำเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก และได้ค่อยๆ ปรับสภาพพื้นที่ทำการปลูกพืชต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มขยายผลไปทำการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ จนมาประสบความสำเร็จได้ในปัจจุบัน ซึ่งจากการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดจากการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมาสู่การทำเกษตรแบบผสมผสาน ได้ส่งผลดีต่อครอบครัวของเกษตรกร
นายกฤษณพงศ์ฯกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าหลังจากที่ตนได้หันมาทำการเกษตรแบบผสมผสานทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกวันครอบครัวของตนแทบจะไม่ต้องเสียเงินเพื่อใช้จ่ายในเรื่องของค่าอาหารเพราะภายในบ้านและสวนมีทุกอย่างอยู่ครบ แถมพืชผักในส่วนที่เหลือยังได้นำไปขายมีรายได้กลับคืนเป็นเงินออมไว้สำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉินอีกด้วยปัจจุบันครอบครัวมีรายได้หลักจากการเลี้ยงไก่ เลี้ยงนกกระทา ทำปุ๋ยมูลสัตว์จำหน่าย และขายผลผลิตมะนาวให้กับร้านกาแฟอเมซอลในอำเภองาว ซึ่งได้ช่วยให้ครอบครัวพึ่งพาตนเองได้อย่างพอเพียง มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: