สงขลา – สะเดา อำเภอสะเดาเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศมาเลเซีย เพื่อขอนำรถยนต์ของคนไทยกลับมาในราชอาณาจักร หลังผลกระทบจากไวรัสโควิด – 19 มาเลเซียล็อคดาวน์ อนุญาตให้คนกลับได้ ส่งผลรถถูกจอดทิ้งไว้ที่บ้านญาติและตามเต้นท์รถนานเกือบครึ่งปี ส่วนรถมาเลเซียที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยยังต้องรอ
25 ส.ค. 63 ณ อาคารศาลาประชาคม อ.สะเดา จ. สงขลา นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา ร่วมกับ นายวุฒิโรจตม์ รัตนะสิงห์ รองกงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยงข้อง ได้ร่วมประชุมชี้แจงแนวทางการนำยานพาหนะส่วนบุคคลกลับเข้าราชอาณาจักรผ่านจุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดา และจุดผ่านแดนถาวรด่านปาดังเบซาร์ โดยมีเจ้าของยานพาหนะหรือรถ เข้าร่วมกว่า 100 คน
ซึ่งหลังจากที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด- 19 และมาเลเซียประกาศปิดประเทศเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ร้านค้า กิจการต่างๆรวมถึงการคมนาคม ถูกสั่งปิดทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันควบคุมโรค แต่ทางการมาเลเซียอนุญาตให้คนไทยเดินทางกลับได้ จึงทำให้คนไทยต้องกลับเข้ามาพร้อมสัมภาระเล็กน้อยติดตัว แต่ยานพาหนะต้องจอดไว้ในประเทศมาเลเซีย ตามบ้านญาติ บ้านเพื่อนและตามเต้นท์รถบ้าง
นายอำเภอสะเดาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เราพยายามช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประสานกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย มาโดยตลอด ว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการนำรถของพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะรถทะเบียนไทยเท่านั้นกลับเข้ามาสู่ประเทศไทย ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนคือ
ข่าวน่าสนใจ:
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ผ่านทางด่านปาดังเบซาร์หรือด่านสะเดา ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 31 มี.ค 1 เม.ย. 2 เม.ย. และตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน คือต้องยึดตามเกณฑ์นี้ เพราะก่อนหน้านี้เรายังไม่ได้ห้ามไม่ให้พี่น้องประชาชนนำรถกลับมาในประเทศไทย หลังจากเราได้รับการประสานงานจากหลายๆหน่วย เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาทางกระทรวงมหาดไทยได้ประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานผ่านสถานทูตไทยในประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะประสานหาทางนำรถกลับเข้ามา ซึ่งในขณะนี้ทางการมาเลเซีย ยังไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่มีสัญชาติมาเลเซียเข้าไปในประเทศ สำหรับเงื่อนไขคือ 1.จะมีการลงทะเบียนบุคคลที่จะนำรถที่ติดค้างอยู่เข้ามาในเมืองไทย โดยเฉพาะต้องเป็นรถทะเบียนไทย โดยอนุญาตให้วันละ 10 คัน
2. เจ้าหน้าที่ฝ่ายมาเลเซียจะเป็นคนขับมาที่ด่านพรมแดน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ไทยจะขับต่อไปยังจุดที่กำหนดพ่นยาฆ่าเชื้อ และจอดทิ้งไว้เป็นเวลา 3 วัน พี่น้องประชาชนจึงจะมานำรถของตัวเองกลับไปได้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของมาตรการในการควบคุมโรค ซึ่งทางด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ได้กำหนดให้มีการฆ่าเชื้อรถยนต์ที่ถูกต้องตามหลักการของกรมควบคุมโรค
นายอำเภอสะเดายังบอกอีกว่า ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการ แต่จะดำเนินการได้เมื่อไหร่ยังไงนั้น ต้องรอทางสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ประสานกับทางการมาเลเซียว่าจะอนุญาตเมื่อไหร่ ซึ่งเบื้องต้นได้รับการยืนยันจาก รองกงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ว่าน่าจะดำเนินการได้เร็วๆนี้ และหลังจากเราได้รับสัญญาณจากสถานกงศุลฯว่าวันไหนที่จะสามารถดำเนินการได้ วันรุ่งขึ้นเราจะเปิดลงทะเบียนทันที ในส่วนของรถทะเบียนมาเลเซียที่อยู่ในประเทศไทยยังไม่มีการพูดคุย ขณะนี้เราต้องการนำรถไทยกลับก่อนสำหรับการประสานงานติดต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ในระดับท้องถิ่นเพื่อนำยานพาหนะของคนไทยกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นด่านแรกที่ได้รับความร่วมมือจากทางการมาเลเซีย ซึ่งได้นำรถไทยกลับมาดีเดย์วันแรก เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์จะเป็นแห่งที่สอง หากเจ้าของรถท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 074-411026 สำนักงาน อ.สะเดา ในวันเวลาราชการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: