เวลา 15.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวได้เดินไปยังวัดอัมพวันวนาราม วัดม่วงค่อม) อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งในวันนี้ทางครอบครัวได้นำศพน้องธิดาเดือน แสง อายุ 42 ปี พยาบาลสาวผู้เสียชีวิตกรณีผูกคอตายมีเงื่อนงำ ที่ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 63 มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลไว้จำนวน 3 วัน โดยผู้สื่อข่าวพบกับนายหาญศักดิ์ดาอายุ 43 ปี รุ่งแสง พี่ชายของผู้เสียชีวิตให้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมั่นใจว่าน้องสาวของตนเองไม่น่าจะก่อเหตุฆ่าตัวตายเอง เนื่องจากน้องสาวเป็นคนเข้มแข็ง และก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน น้องสาวได้เดินทางมาหา และก้มกราบนอนหนุนตักแม่ พร้อมกับเล่นหยอกล้อกับพวกพี่ กับแม่ โดยไม่มีท่าทีจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย จึงอยากจะขอวอนให้ตำรวจช่วยเหลือทางด้านคดีเพื่อพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะตนเองไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องสาวคนนี้จะฆ่าตัวตาย เพราะน้องเคยบอกว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาป
ความคิดเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนางพี่สาวของผู้เสียชีวิต คือนางสาวกฤตชญา รุ่งแสงอายุ 49 ปี ที่ระบุว่าสำหรับตนเองก็ไม่เชื่อว่าน้องสาวจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากที่ผ่านมาน้องสาวมีอะไร จะบอกกับทุกคนในครอบครัว ส่วนกรณีที่มีสื่อบางช่อง ระบุว่าน้องสาวของตัวเองเป็นเมียน้อยของนายเอกพัฒน์ เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะก่อนที่นายเอกพัฒน์ จะไปมีครอบครัวใหม่ นายเอกพัฒน์ เคยอยู่กินน้องสาวของตนเอง หลังจากนั้นน้องสาวของตนเองได้ถูกจับกุม 5 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น นายเอกพัฒน์ ก็ไปคบหากับผู้หญิงอีก 1 คนและมีลูกด้วยกัน 2 คน โดยภายหลังจากที่น้องสาวของตนเองพ้นโทษ และมาสอบเข้าเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จงสระบุรี นายเอกพัฒน์ ก็มาเจอกับน้องสาวอีกครั้ง และบอกว่าตนเองได้แยกกันอยู่ภรรยาที่มีลูกด้วยกัน และมาขอน้องสาวแต่งงานแต่งงาน สินสอดจำนวน สองแสนบาท จนมีลูกสาวด้วยกันขณะนี้วัย 3 ขวบ เพราะ ฉะนั้นน้องสาวของตนจึงไม่ได้เป็นเมียน้อย ตามที่มีสื่อบางแขนงได้มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในวันเกิดเหตุน้องสาวยังได้บอกว่า วันนี้ลูกสาวจะเริ่มไปโรงเรียนวันแรก คิดถึงลูกสาวจะไปนอนค้างทีบ้านสามีสัก 2-3 วัน ซึ่งได้เตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวเรียบร้อย
นายหาญศักดิ์ดา รุ่งแสง พี่ชายลั่น อย่างไรก็ตามสำหรับการเสียชีวิตของน้องสาว ทีแรกทางครอบครัวปรึกษากันไว้ว่าจะตั้งบำเพ็ญไว้ที่วัด เป็นระยะเวลา 3 วัน หลังจากนั้นจะนำศพน้องไปฝากไว้ที่ รพ. จะยังไม่ทำการฌาปนกิจ จนกว่าทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถพิสูจน์ถึงสาเหตุการเสียชีวิต และสรุปคดีของน้องสาวได้
