จากเหตุการณ์ วันที่ 16 ต.ค. 61 ร.ต.อ.วรวัช ชลอปัญจศิลป์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพนียด อ.โคกสำโรง ลพบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เพนียดว่า มีผู้ผูกคอตายที่ถนนสาธารณะ หมู่ที่ 1 บ้านดงมะรุม อ.โคกสำโรง ที่เกิดเหตุริมทางสาธารณะ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร พบศพนายบุญ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ 1 ต.ดงมะรุม อ.โคกสำโรง ลพบุรี สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ ไม้เท้าค้ำยันตกอยู่ข้างศพ มีรองเท้ายางสีดำของผู้ตาย 1 คู่ และเก้าอี้พลาสติกสีแดง 1 ตัว วางอยู่ใกล้ศพ โดยผู้ตายใช้สายไฟแบบ 3 เฟส สีฟ้า ผูกโยงกับกิ่งมะขาม ผูกคอตัวเองห้อยโตงเตง เจ้าหน้าที่จึงได้นำศพลงมาทำการชันสูตร ในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15-16 ชั่วโมง
จากการสอบสวนภรรยา ซึ่งให้การด้วยเสียงสั่นเครือและความเคลือบแคลงใจว่า สามีของตนอดีตเคยเป็นทหารผ่านศึกมีร่างกายพิการจากการเคลื่อนไหว ต้องใช้รถโยกในการไปไหนมาไหน จุดที่สามีของตนมาผูกคอตายห่างจากหมู่บ้านกว่า 300 เมตร ซึ่งเป็นการยากต่อการเดินที่ต้องใช้ไม้เท้าในการค้ำยัน อีกทั้งต้องนำสายไฟขนาดใหญ่ และเก้าอี้อีก 1 ตัว มาจุดที่เกิดเหตุนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ สอดคล้องกับความเห็นของแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มองว่าสภาพร่างกายที่พิการมือและเท้าไม่มีแรง และลักษณะของการผูกคอตายเก้าอี้ยังคงตั้งอยู่เช่นเดิม และสายไฟที่ 3 เฟส ที่แข็งมากซึ่งคนพิการไม่น่าจะทำได้
ข่าวน่าสนใจ:
ภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อว่า เมื่อวานช่วงเช้านายบุญ ได้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง และได้หายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 15 ต.ค. ทางบ้านได้ออกติดตามหา แต่ไม่เจอ คงคิดว่าไปสงบสติอารมณ์ ที่ใดสักแห่ง ซึ่งไม่น่าจะเป็นสาเหตุการจูงใจในการต้องไปผูกคอตาย รุ่งเช้าเวลา 08.50 วันที่ 16 ต.ค. เพื่อนบ้านวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่านายบุญผูกคอตายที่ท้ายหมู่บ้าน ทั้งนี้ทางครอบครัวได้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ส่งศพเพื่อทำการชันสูตรที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิต
นางเสนอ เอี่ยมสำองค์ อายุ 63 ปี ภรรยา นายบุญ ที่เพิ่งกลับจากรับศพสามีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิต ซึ่งแพทย์ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเส้นเลือดใหญ่ หลอดเลือดดำที่ลำคอถูกรัด โดยนางเสมอได้กล่าวว่าตนเองมีความกังขามาก ถึงสาเหตุที่สามีของตนที่เดินไปท้ายหมู่บ้านเพื่อผูกคอตาย จากสาเหตุแค่ทะเลาะกับเพื่อนบ้านเท่านั้นนะหรือ เนื่องจากสามีเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ไม่ค่อยยอมใคร เคยผ่านสมรภูมิรบมามากมาย และ สามีตนเองพิการด้านการเคลื่อนไหว ทั้งขาและแขนเดินไปไหนไม่ได้ไกล และที่จะนำพาสายไฟขนาด 3 เฟส ลากเก้าอี้ไปด้วย 1 ตัว พร้อมทั้งก้าวขึ้นเก้าอี้ ใช้สายไฟที่แข็งประกบกันผูกโยงกับกิ่งมะขามผูกคอตัวเองนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์นี้ด้วย
และที่สำคัญรถโยกสามล้อ ของสามีที่นั่งอยู่เป็นประจำได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ญาติๆ เพื่อนบ้านได้ช่วยออกตามหารอบหมู่บ้านก็ยังไม่พบ สงสัยว่าหายไปได้อย่างไร ใครเอาไป ทั้งนี้ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้กล่าวกับทางภรรยา และญาติของผู้เสียชีวิตว่าในวันพรุ่งนี้ จะได้ติดต่อนำนักประดาน้ำเพื่อลงงมหารถสามล้อโยกของผู้ตาย รวมถึงเก้าอี้พลาสติกสีแดง และสายไฟ 3 เฟส นั้นมาจากที่ใด เพื่อคลี่คลายคดีที่ยังคาใจ ที่คงต้องสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
จากปัญหาคาใจที่นางเสมอ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 63 ปี และญาติ ค้าน และกังขาถึงสาเหตุของการตายของนายบุญ เอี่ยมสำอาง อายุ 58 ปี สามีอดีตทหารผ่านศึกสมรภูมิเขาค้อ ที่จะคิดลากสังขารตัวเองจากความพิการทางการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะไปผูกคอตายหลังหมู่บ้าน เพียงแค่สาเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่น่าที่จะเป็นไปได้ได้นั้น วันนี้นางเสมอ ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านที่ทำไร่มันสำปะหลัง ท้ายหมู่บ้านห่างจากจุดที่นายบุญ ผูกคอตายไปประมาณ 1 กิโลเมตร พบถุงยาห่อใหญ่จาก รพ. ที่ระบุชื่อของนายบุญ เอี่ยมสำอาง ผู้ตาย ซุกอยู่ในไร่มันสำปะหลัง
ร.ต.อ.วรวัช ชลอปัญจศิลป์ ร้อยเวร เจ้าหน้าที่งานสืบสวน สภ.เพนียด สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ ญาติๆ และชาวบ้านกว่า 30 คน ได้เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่รับแจ้ง พบถุงยาของนายบุญวางอยู่ที่พื้นถนน จึงได้ออกเดินหารถสามล้อโยกที่หายไปตามไร่มันสำปะหลัง และไร่อ้อย โดยมีเจ้าหน้าที่อีกส่วนลงงมในอ่างน้ำ สระน้ำรอบๆ หมู่บ้านเพื่อหารถสามล้อโยกที่หายไปแต่ไม่พบ
ซึ่งจากการพบถุงยาของนายบุญ ที่ห่างจากจุดผูกคอตายถึง 1 กิโลเมตร ทำให้เชื่อว่าการตายของนายบุญน่าจะมีเงื่อนงำ เพราะถุงยาจะอยู่กับตัวสามี ที่รถสามล้อโยกตลอด
ซึ่งไม่อยากจะคิดว่าเป็นการฆาตกรรม เพราะสามีเป็นคนพิการ ไม่สามารถต่อสู้กับใครได้ แต่เชื่อว่าสามีไม่คิดฆ่าตัวตายแน่นอน จึงอยากจะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนหาความจริงให้กับครอบครัวของตนเองด้วย ทุกข์ใจเหลือเกิน และมีความกังวล และกลัวภัยที่จะมาถึงครอบครัวของตนเอง เพและอีก 2 วัน ก็คงจะต้องทำการฌาปนกิจศพสามีแล้ว เนื่องจากครอบครัวตนเองยากจนต้องไปขอกู้ยืมเงินมาเพื่อจัดการงานศพให้กับสามี
ล่าสุดเมื่อช่วงวันที่ 24 ต.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพนียด ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ออกไปไร่ว่าพบรถสามล้อโยก และสายไฟ 1 ขด ของนายบุญทหารผ่านศึกสมรภูมิเขาค้อที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยในวันที่ 16 ต.ค. 61 วันที่ผูกคอตายอย่างมีเงื่อนงำ ไม่นานกลับพบถุงยารักษาโรคของนายบุญตกอยู่ที่ไร่มันสำปะหลังห่างจากจุดที่ผูกคอตายไปประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งภรรยา ครอบครัว ญาติ และเพื่อนบ้าน ก็ยังคงสงสัยในการตายของนายบุญที่จะเป็นการฆ่าตัวตายนั้นคงเป็นไปได้ยาก โดยส่งตัวไปทำารชันสูตรที่ รพ.นิติวิทยาศาสตร์ รพ. ธรรมศาสตร์รังสิต ซึ่งแพทย์ระบุตายจากสาเหตเส้นเลือดใหญ่ หลอดเลือดดำที่ลำคอถูกรัด และพยายามเสาะหารถสามล้อโยกที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนมาพบว่าซุกอยู่กลางไร่อ้อยของชาวบ้าน ห่างจากจุดพบศพ และจุดพบถุงยาหลายกิโล
ซึ่งคงต้องรอผลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เชื่อได้ว่าสามีของตนเองไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางจากคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุกับผู้พิการอย่างเลือดเย็น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดูแลในคดีของครอบครัวของตนเองด้วย ตั้งใจจะยังไม่เผาศพสามีแต่ต้องจำยอมเพราะไม่มีเงินทองพอที่จะเก็บรักษาศพไว้เพื่อสืบสวนต่อสู้ในทางคดี แต่ขอร้องให้ตำรวจสะสางคดีคาใจนี้ด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพนียดได้นำรถสามล้อโยก สายไฟที่พบใหล้รถ 1 ขด ส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน หาลายนิ้วมือแฝง ตรวจสอบสายไฟที่พบวามาจากที่ใด พร้อมทั้งได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันพบศพที่ท้ายหมู่บ้าน วันพบถุงยารักษาโรคไร่มันสำปะหลัง และวันที่พบรถสามล้อโยกซุกกลางไร่อ้อยของนายบุญ เพื่อตั้งประเด็น หาแนวทางการสืบสวนใหม่ ตามที่ภรรยาและครอบครัวต้องการ ขอเวลา และให้เชื่อมั่นในการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: