วันที่ 29 ธ.ค.60 เวลา 11.30 น. นายธวัชชัย แท้เที่ยง ปลัดจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.อ.อภิชาติ ลานอก เสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 210(มทบ.210) พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม แถลงการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ได้ผู้ต้องหาสองราย
ก่อนหน้านี้เป็นการสืบสวนขยายผลของตำรวจ ที่จับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้โทษ(ยาบ้า) ที่ซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งปรากฏว่ามีชื่อของ น.ส.โชติรส ศรีครชุม อายุ 34 ปี ชาวบ้านปฏิรูป ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม และ น.ส.ชนัญชิดา คำใบ อายุ 50 ปี รวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะ น.ส.โชติรสผู้ต้องสงสัย เปิดร้านขายลาบ ก้อย บังหน้าอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม ไม่ห่างจากตลาดสดพูนสุขมากนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนประกอบด้วย พ.ต.ท.รณชัย โพธิ์มี รอง ผกก.สส.ฯ และ พ.ต.ต.คณิน โพธิ์ชัยสาร สว.สส.ภ.จว.นครพนม ส่งสายสืบวางตัวเป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก ทำทีเข้าไปนั่งสั่งอาหารจำพวก ต้ม ย่าง ลาบ ก้อย จากร้านของ น.ส.โชติรส หลายต่อหลายครั้งจนสนิทสนมมีความคุ้นเคยกัน ตำรวจในมาดของเสี่ยจึงเอ่ยปากต้องการยาบ้าสักล๊อต เพื่อนำส่งไปขายต่อในพื้นที่ชั้นใน น.ส.โชติรสรับอาสาจะหาของที่ต้องการให้ โดยติดต่อทางโทรศัพท์ไปหา น.ส.ชนัญชิดาว่าเสี่ยใหญ่อยากได้ยาบ้าไปขาย จึงตกลงต่อรองราคาอยู่ที่เม็ดละ 200 บาท ตำรวจในคราบเสี่ยขับรถเก๋ง พกเงินทีละมากๆ มีทองคำประดับตามร่างกาย ควักเงินสดเกือบ 1 ล้านบาท โชว์ให้ผู้ต้องสงสัยดูทันที จากนั้น น.ส.ชนัญชิดาก็ติดต่อไปยังนายทุนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ขอซื้อยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด ทางนายทุนจึงส่งยาบ้าข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาส่งให้ตามต้องการ
กระทั่งวันที่ 28 ธ.ค. เวลาประมาณ 16.30 น. น.ส.ชนัญชิดาโทรเข้ามือถือเสี่ยว่าของที่ต้องการขณะนี้อยู่ในมือแล้ว ให้มารับยาบ้าบริเวณหลังตลาดพูนสุข ตำรวจในมาดเสี่ยอ้างว่าจะให้ลูกน้องไปรับยาบ้า ส่วนตัวเองถือเงินรออยู่ที่ร้านลาบของ น.ส.โชติ สายสืบจึงไปพบกับ น.ส.ชนัญชิดายืนถือถุงบรรจุยาบ้ารออยู่ พร้อมกับยื่นส่งให้สายสืบ จากนั้น น.ส.ชนัญชิดาก็โทรหา น.ส.โชติรสว่ามอบของให้ลูกน้องเสี่ยแล้ว ให้รับเงินสดจากเสี่ยด้วย ตำรวจมาดเสี่ยจึงมอบเงินที่ล่อซื้อแก่ น.ส.โชติรส พร้อมส่งซิกถึงสายลับเข้าควบคุมตัวคนทั้งสองพร้อมของกลาง สองสาวถึงกับหน้าซีดเผือด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาและของกลางไปสอบสวนเพิ่มเติมยัง สภ.ศรีสงคราม ตรวจนับเป็นยาบ้าจำนวน 11,560 เม็ด เงินสดล่อซื้อ 780,000 บาท โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง
น.ส.โชติรสสาวร้านขายลาบสารภาพว่า ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ส่วนร้านลาบก้อยก็ไม่ใช่ของตนแต่มาช่วยแม่ขายเท่านั้น ขณะที่ น.ส.ชนัญชิดาสารภาพว่าจากราคายางพาราตกต่ำ จึงจำเป็นต้องหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว แต่ทางลับของเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด(ยาบ้า)มานานแล้ว โดยผลพ่วงมาจากการขยายผลของผู้ต้องหารายก่อนหน้านี้ จึงตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสงคราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
