สาวโร่ร้องสื่อหลังลูกสาววัย 13 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปรับน้องชายที่โรงเรียน ถูกรถยนต์กระบะเลี้ยวตัดเพื่อจะเข้าซอย ทำให้รถเฉี่ยวจนรถล้มไถลไปกับพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บแขนหักไหล่แตก แถมถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิด
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 4 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความเป็นธรรมจาก นางรษิกา อธินารานนท์ อายุ 36 ปี หลังลูกสาววัย 13 ปีขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกชายคนเล็กที่โรงเรียนแต่ถูกรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนระหว่างทางจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนซ้ายและไหปลาร้าหัก แต่ทางรถยนต์กระบะคู่กรณีกลับบอกว่าลูกสาวตนเป็นฝ่ายผิดโดยอ้างว่าตนเองจอดรถอยู่เฉย ๆ แต่บุตรสาวตนขี่รถจักรยานยนต์มาเฉี่ยวชนเอง หลังเกิดเหตุฝ่ายรถยนต์กระบะคู่กรณีได้ชิงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ส่วนตนพาลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พอตนกลับมาพบร้อยเวรเจ้าของคดีกลับบอกว่าลูกสาวตนเป็นฝ่ายผิด ขณะเดียวกันพลเมืองดีซึ่งมีภาพจากกล้องหน้ารถซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ได้นำคลิปดังกล่าวมาให้ตนใช้เป็นหลักฐาน ซึ่งภายในกล่องหน้ารถที่บันทึกไว้ได้นั้น พบว่าถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนเลนสวน ก่อนเกิดเหตุรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจอดชิดขอบทางอยู่ในช่องซ้าย เพื่อที่จะรอเลี้ยวขวาขณะที่ลูกสาวตนขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาเห็นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจอดจึงหักหลบออกทางด้านขวา อยู่ๆ รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้หักเลี้ยวออกมาจึงเฉี่ยวชนเข้าที่แขนของลูกสาวตนจนรถเสียหลักล้ม เหตุเกิดบนถนนซอยวัดศีรษะจระเข้ใหญ่ บริเวณสามแยกบ้านเกาะพิจิตร หมู่ 5 ต.ศีรษะจระเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
โดยเด็กหญิงเอ อายุ 13 ปี ผู้บาดเจ็บ ได้เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุแม่ให้ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปรับน้องชายที่โรงเรียนซึ่งอยู่ภายในซอยที่เกิดเหตุ ขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนน จนมาถึงที่เกิดเหตุตนได้เห็นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจอดอยู่ที่ฝั่งซ้าย ตนจึงเร่งเครื่องและออกมาทางขวาเพื่อที่จะแซง ขณะที่ตนเร่งเครื่องแซงขึ้นมาจนกระทั่งถึงหัวรถยนต์กระบะคันดังกล่าว อยู่ ๆ รถกระบะคันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวและเลี้ยวขวาออกมาเพื่อจะเลี้ยวเข้าทางแยก หัวรถกระบะได้ชนเข้ากับท่อนแขนซ้ายของตนจนรถจักรยานยนต์ที่ตนขี่มาเสียหลักล้มและลื่นไถลไปชนกับหน้ารถเก๋งที่วิ่งส่วนทางมา จนแขนซ้ายและไหปลาร้าของตนหักตามตัวมาแผลถลอก จนกระทั่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยเหลือตน แต่คนขับรถกระบะกลับมากล่าวหาว่าตนผิดที่ขี่รถไปชนรถของเขาที่จอดอยู่ โชคดีรถเก๋งที่รถจักรยานยนต์ตนลื่นไถลไปชนด้านหน้าเขากล้องติดหน้ารถอยู่ จึงบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้
ข่าวน่าสนใจ:
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- DSI ร่วมบริจาคน้ำดื่มให้ท่านจุฬาราชมนตรี เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- ตรัง ผู้ตรวจฯกระทรวงพาณิชย์ ลงตรังเยี่ยมแปลงปลูกพริกไทยตรัง-สุราชุมชน ผู้ผลิตต่อยอดสินค้า GI "พริกไทยตรังพันธุ์ปะเหลียน สู่มาตรฐาน EU organic…
- อบจ.สงขลาแถลงผลดำเนินการ “1,460 วันนายกไพเจนขับเคลื่อน กว่า1,460 โครงการ” สร้างสุขชุมชน
ด้านนาง รษิกา แม่ของเด็กหญิงเอ ผู้บาดเจ็บ ได้เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุคนขับรถกระบะเขาบอกว่ารถเขาจอดอยู่เฉย ๆ นะ และน้องเป็นคนไปชนรถเขาเอง เขาพูดแบบนี้ตามที่เขาไปลงบันทึกประจำวัน และเชื่อว่าในวันที่เขาไปลงบันทึกประจำวันเขาคงยังไม่เห็นคลิป และตนพึ่งเข้าไปคุยกะร้อยเวรเมื่อวานนี้ ร้อยเวรคงจะส่งให้เขาดู เพราะว่าเมื่อเช้าเขาเข้ามาหาพวกตนที่บ้านตนก็จะเปิดคลิปให้ดูแต่เขาก็บอกว่าไม่ต้อง เขาบอกว่าดูคลิปแล้ว ตนก็ถามว่าเอามาจากไหนเขาก็ไม่ตอบ เขาก็แค่พูดว่าเดี๋ยวไปคุยกันวันที่ 9 กันยายน โดยในใบบันทึกประจำวันเขาก็บอกว่าน้องผิด คือเมื่อวานเราไปหาร้อยเวรเพราะตนอยากได้ความเป็นธรรมว่าภาพจากในคลิป ทำไมบอกว่าน้องเป็นคนผิด ในเมื่อเขาจะเลี้ยวทำไมไม่มาจอดในเลนกลางเส้นเหลือง แต่เขาไปจอดชิดทางด้านซ้ายและหักเลี้ยวออกมาเลย ทำไม่ถึงว่ารถกระบะเป็นฝ่ายถูก และร้อยเวรเองก็ยังบอกว่ารถกระบะเป็นฝ่ายถูก และยังบอกว่ายังไงตนก็แพ้คดีแน่นอน ส่วนค่ารักษาพยาบาลตอนนี้ใช้จาก พรบ.อย่างเดียว ตนก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครเขาพูดมาแบบนี้เหมือนเราตันหมดแล้ว เหมือนร้อยเวรเขาไม่ช่วยอะไรเลย
ด้านนายอานนท์ สุขเกษม ชาวบ้านที่ออกมาชาวเหลือ ได้เล่าว่าตนมาทราบเรื่องตอนที่น้องถูกชนแล้วและตนก็ไปหาคลิปที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุมาให้น้องใช้เป็นหลักฐาน และขณะเกิดเหตุตนก็ได้สอบถามคนที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุเขาก็บอกว่า รถกระบะมาจอดและก็หักเลี้ยวเรารู้แค่ตรงนี้ ซึ่งคนขับกระบะก็ยังอยู่ที่เกิดเหตุเขาก็บอกว่ารถเขาจอดอยู่น้องขี่มาชนเอง แต่พอมาดูคลิปแล้วมันไม่ตรงกับที่เขาบอก และในวันที่เกิดเหตุก็ไม่มีตำรวจมาดูในที่เกิดเหตุเลยมีเพียงมูลนิธิมาช่วยเท่านั้น หลังเกิดเหตุก็ไม่มีใครมาดูมีเพียงเจ้าหน้าที่ประกันแล้วก็พ่อของน้องและพากันไปโรงพัก จากการที่ตนถามคนขับกระบะ เขาก็ยืนยันว่ารถเขาจอดอยู่เฉย ๆ เพื่อที่รอจะเลี้ยวแล้วน้องมาชนเขา เขาไม่ได้บอกเลยว่าเขาขยับรถออกมา เพราะเท่าที่ดูในคลิปตนคิดว่ารถกระบะก็มีส่วนผิด เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้างว่าจอดรถอยู่เฉย ๆ เพื่อรอเลี้ยว ตนเป็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: