ชัยภูมิ – “ต้องกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เมื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินหายออกจากบัญชีธนาคารครั้งนี้ไปทั้งหมดกว่า 480,000 บาท กลายเป็นลูกสาวคนโตของเจ้าของบัญชีสาวชัยภูมิสามีฝรั่งรายนี้เอง ได้ยอมออกมารับสารภาพแล้วพร้อมกล่าวขอโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทนธนาคารแล้ว ว่าเป็นคนแอบนำเงินทั้งหมดที่หายออกจากบัญชีไปเอง!!!
( 26 ต.ค.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ ความคืบหน้ากรณีของ นางนนทพัทธิ์ แซะโนนตาด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 19 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ พร้อมสามี MR.TRYGGVE OLSSON ฝรั่งชาวสวีเดน ออกมาขอความเป็นธรรมหลังเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี พนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ หลังมีการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. – 17 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา มีเงินฝากของตนเองกับธนาคารในประเทศไทยแห่งหนึ่ง ทำเงินในบัญชีของตนเองหายออกไปจำนวนมากกว่า 480,000 บาท จนเกือบหมดบัญชีที่มียอดเงินฝากสะสมไว้เหลือเงินในปัจจุบันเพียงจำนวน 680 บาท
จึงได้มีการติดต่อสอบถามมาที่ธนาคารสาขาดังกล่าวในจ.ชัยภูมิ เพื่อให้ตรวจสอบ มาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ธนาคารดังกล่าวนำเงินที่หายไปจากบัญชีทั้งหมดมาชดใช้คืนโดยเร็ว
จนล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 ต.ค.61 ทางด้าน พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่สภ.เมืองชัยภูมิ ได้มีการนัดตัวแทนทางฝั่งธนาคาร พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายสาวชัยภูมิและสามีชาวสวีเดนที่เข้าแจ้งความ มาฟังผลสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อกรณีที่เกิดขึ้น
ซึ่งล่าสุดได้มีคำตอบ และผลการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินในบัญชีทั้งหมดแล้วว่าหายไปไหนออกมาที่แน่ชัดทั้งหมดแล้วว่า เงินที่หายออกจากบัญชีธนาคารครั้งนี้ที่หายไปทั้งหมดรวมกว่า 480,000 บาท นั้น กลายเป็นคนที่นำเงินออกจากบัญชีไปใช้ทำหายไปทั้งหมดเองคือบุตรสาวคนโต ของสองสามีภรรยาชาวฝรั่งรายนี้เอง ชื่อนางสาวณัฐตินา สีสะใบ อายุ 27 ปี ที่เป็นบุตรสาวคนโตของสาวชัยภูมิสามีชาวสวีเดนเอง ที่ได้มีการติดต่อแจ้งรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพร้อมกล่าวขอโทษต่อตัวแทนธนาคารในครั้งนี้แล้วว่า เงินที่หายไปทั้งหมดเป็นคนนำไปใช้สมัครแอบซื้อสินค้าต่างๆและนำไปใช้จ่ายเองทั้งหมดแล้ว
พร้อมทั้งวันนี้ทางด้านนายเด่นศักดิ์ เกียรติพนมแพ ผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ สาขาประจำชัยภูมิ และนายชูสกุล ภิรมย์ไกรภักดิ์ ผู้รับผิดชอบธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสชัยภูมิ ที่เป็นต้นเหตุถูกสาวชัยภูมิพร้อมสามีชาวสวีเดนครั้งนี้ ร้องแจ้งความขอความเป็นธรรมให้ช่วยตรวจสอบเงินที่หายไปจากบัญชีธนาคารครั้งนี้
ก่อนที่ทางตัวแทนธนาคารกรุงเทพ จะเปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ได้ติดต่อพูดคุยกับสาวชัยภูมิและสามีชาวสวีเดนไปที่ต่างประเทศให้รับทราบข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว พร้อมทั้งทางสาวชัยภูมิที่แจ้งว่าธนาคารทำเงินหายจากบัญชีตัวเองไปเกือบครึ่งล้านบาทนั้น ก็กล่าวขอโทษกับตัวแทนธนาคารและไม่ติดใจเอาความต่อธนาคารว่าทำเงินลูกค้าหายออกจากบัญชีในครั้งนี้ด้วยทั้งหมดเช่นกัน
ซึ่งจากนี้ไปทางธนาคารสาขาที่จ.ชัยภูมิ ก็จะได้ส่งเรื่องไปให้ทางธนาคารสำนักงานใหญ่พิจารณา ส่วนจะดำเนินการแจ้งความกลับหรืออย่างไรต่อไปเป็นเรื่องที่สำนักงานใหญ่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดกับธนาคาร แต่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันที่บุตรสาวคนโตของผู้เสียหายหรือเจ้าของบัญชีชาวต่างชาติรายนี้ เป็นคนแอบนำเงินไปใช้หายจากบัญชีไปเอง
ขณะที่พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่า คดีนี้ก็เป็นที่ยุติแล้วว่าความผิดไม่ได้อยู่ที่ธนาคารทำเงินหาย ตามที่มีสาวชัยภูมิพร้อมสามีชาวสวีเดนแจ้งความไว้ แต่บุตรสาวคนโตของเจ้าของบัญชีธนาคารรายนี้เอง ยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนแอบนำเงินในบัญชีที่หายไปทั้งหมดกว่า 840,000 บาทไปใช่เอง ก็ได้แจ้งให้ทางสาวชัยภูมิและสามีชาวสวีเดนทราบเรื่องนี้แล้วในวันนี้
ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจที่จะเอาความกับธนาคารอีกต่อไป รวมทั้งบุตรสาวตัวเองที่แอบขโมยเงินในบัญชีตัวเอง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตตามมาครั้งนี้ ก็ถือว่าจบด้วยดีทุกฝ่าย ซึ่งส่วนที่ทางธนาคารดังกล่าวที่เสียหาย จะแจ้งความกลับหรือไม่นั้นตอนนี้เบื้องต้นได้พูดคุยกันแล้วก็เห็นใจลูกค้าของธนาคารรายนี้ และก็ไม่อยากให้มีการติดใจเอาความเอาเรื่องอะไรกันต่อ ตามเป็นเรื่องขึ้นมาอีกมาบานปลายต่อไปอีก เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดครั้งนี้ก็น่าจะจบลงด้วยดีทุกฝ่ายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: