พังงา-เปิดตัวชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านสะพานเสือ อ.กะปง จ.พังงา ชูวิถีชุมชนและประติมากรรมธรรมชาติ “กะปง แกรนด์ แคนย่อน”
ที่ศาลาหมู่บ้าน ม.3 บ้านสะพานเสือ ต.เหมาะ อ.กะปง จ.พังงา นายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอำเภอกะปง เป็นประธานในกิจกรรมเปิดหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เพื่อเตรียมการสร้างความพร้อมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในลักษณะ (Test Tour) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการโชว์การแสดงพื้นถิ่น การประกอบเมนูอาหารพื้นบ้าน โชว์ผลิตภัณฑ์ชุมชน และชมวิถีชีวิตการร่อนแร่ดีบุก ซึ่งเป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันยังสามารถเป็นอาชีพเสริมให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี
โดยได้ร่วมกันสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวในชุมชน “กะปง แกรนด์แคนย่อน เมืองไทย” ซึ่งเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่ในสมัยก่อนที่มีการขุดหาแร่ดีบุก โดยระบบเหมืองฉีด จึงทำให้มีกองทรายอยู่จำนวนมหาศาล เมื่อผ่านไปหลายปีก็ถูกน้ำกัดเซาะ ยุบตัวและพังทลายของหน้าดินตามธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปร่างแปลกตาบนพื้นที่รวมกันกว่า 50 ไร่
นางพรศรี พุ่มพัว พัฒนาการอำเภอกะปง กล่าวว่า โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่อยู่ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของชุมชนและให้โอกาส ในการสร้างคนสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับชุมชน โดยผ่านกระบวนงานประชาคม ให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนในการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ภายในชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่น โดยการนำ เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม เป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือน
ทำให้เกิดการกระจายเงินภายในหมู่บ้าน และเป็นการกระตุ้นให้ชุมชนเกิดการตื่นตัวในการพัฒนาหมู่บ้านแบบสร้างสรรค์อย่างมีส่วนร่วม การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ที่ดึงเสน่ห์จากวิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้าน และความคิดสร้างสรรค์แปลงเป็นรายได้ เกิดการปรับปรุงระบบเพื่อการเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระดับชุมชนที่มีเสน่ห์ดึงดูด และมีคุณค่าเพียงพอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือน และใช้จ่ายเงินในทุกกิจกรรมของชุมชน รายได้กระจายตัวอยู่ในชุมชนทั้งหมด เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งถิ่นฐานออกไปหางานที่อื่น
