นครพนม – ร้องสื่อ!! อ้างถูกทางการรุกที่ดิน สร้างฉางข้าวประจำหมู่บ้าน ไม่ทนถือวิสาสะรื้อเอง ผู้ใหญ่บ้านโร่แจ้งตำรวจ
วันที่ 26 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนางสมพงษ์ กำไรเงิน อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 108 หมู่ 9 บ้านโคกสูง ต.โคกสูง อ.ปลาปาก จ.นครพนม โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสูง(อบต.ฯ) เนื่องจากสร้างฉางข้าวรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของตน จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
พื้นที่พิพาทอยู่ห่างจากทางหลวงชนบทสายมหาชัย-ปลาปาก ประมาณ 100 เมตร โดยนางสมพงษ์ผู้ร้องนำเอกสารเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 22775 เล่ม 228 หน้า 75 เนื้อที่ 2 งาน 59 ตารางวา ออกมายืนยันในการครอบครอง พร้อมเปิดเผยว่าที่ดินตามเนื้อที่ดังกล่าว เดิมนายณรงค์ พิพิตภัณฑ์ อายุ 55 ปี พี่ชาย ภายหลังปี 2562ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ตนในฐานะน้องสาวเป็นผู้ครอบครองแทน พร้อมพาไปชี้ที่ฉางข้าวประจำหมู่บ้านที่นางสมพงษ์อ้างว่าสร้างทับที่ดินพื้นนี้ ซึ่งมีข้อพิพาทกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปี
นางสมพงษ์ไล่เรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานประมาณ 70 กว่าปี ที่นางบัว อุดมเลิศ ปัจจุบันอายุ 90 ปี ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า เดิมพื้นที่บริเวณนี้ผู้ครอบครองชื่อนายหนาว อุดมเลิศ ผู้เป็นปู่ของตน ซึ่งในสมัยนั้นทั้งตำบลโคกสูงยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ชาวบ้านใช้วิธีจับจองที่ดินด้วยการปลูกบ้านเรือนหรือปักรั้วไว้เป็นสัญลักษณ์ แต่จะรู้กันดีว่าที่บริเวณดังกล่าวใครเป็นเจ้าของ ต่อมานายหนาวบวชเป็นพระก็คิดจะมาสร้างวัดอยู่บนที่แห่งนี้ แต่อยู่ได้ประมาณ 15 วัน พระหนาวเห็นว่าไม่เหมาะจึงย้ายไปอยู่วัดที่ห่างออกไป พร้อมบอกว่ายกที่ดินแปลงนี้ให้ลูกสาวคือนางบัว อุดมเลิศ อยู่กับครอบครัว และตนตลอดจนพี่น้องก็ถือกำเนิดอยู่ตรงนี้
ข่าวน่าสนใจ:
เวลาผ่านไปตนไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก็มีฝ่ายปกครองจะมาปลูกฉางข้าวประจำหมู่บ้าน โดยอ้างว่าเป็นที่ดินหลวง(นสล.) นางบัวได้คัดค้านว่าสร้างไม่ได้ เพราะอยู่ในความครอบครองของตน แต่กำนันในขณะนั้นบอกว่าสร้างไปก่อนถ้าไม่ใช่ค่อยรื้อถอนออกไป จากนั้นก็สร้างศาลาอเนกประสงค์ขึ้นมาอีก 1 หลัง กระทั่งตนกลับมาอยู่บ้านพร้อมกับลูกชายคือนายทรงธรรม วงษ์เทศ อายุ 28 ปี เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมีหนังสือร้องเรียนไปถึงหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววอย่างไร จึงร้องเรียนผู้สื่อข่าวดังกล่าว
ด้านนางบัว อุดมเลิศ เล่าว่าดินแปลงนี้เป็นของพ่อตน ไม่ใช่ที่ดินหลวงตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง เมื่อก่อนถ้าใครไม่มีที่ดินอยู่อาศัยก็จะขอแบ่งซื้อกันในราคาแปลงละ 30-100 บาท ที่ชาวบ้านบอกว่าเดิมเป็นที่ดินของวัด ไม่มีใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์นั้น วัดที่ว่าก็พ่อของตนเป็นคนมาสร้าง แต่อยู่ได้ไม่กี่วันจึงย้ายไปอยู่วัดอื่น และยกที่ดินนี้ให้ตนอยู่กับครอบครัว
ขณะที่นายทรงธรรม วงษ์เทศ ลูกชายของนางสมพงษ์เล่าต่อว่า หลังรู้เรื่องราวต่างๆจากปากของย่า จึงอยากจะทวงคืนที่ดินคืน โดยร้องเรียนไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะเกิดเหตุบานปลาย วันที่ 21 ตุลาคม 2563 ตนได้เขียนป้ายติดไว้ที่ฉางข้าวให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่มารื้อถอนภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นตนจะรื้อเอง เมื่อพ้นครบกำหนดไม่มีใครแสดงตน วันที่ 25 ตุลาคม จึงทำการรื้อถอนตามที่ประกาศไว้ ปรากฏว่าผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปลาปาก ว่าตนทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
ส่วน นายเมฆินทร์ มวลปาก อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.โคกสูง เปิดเผยว่าฉางข้าวประจำหมู่บ้านแห่งนี้ ปลูกสร้างบนที่ดินหลวง(นสล.) เลขที่ นพ.0755 หลายสิบปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านต่างทราบกันดี ไม่ได้รุกล้ำแนวเขตของนางสมพงษ์แต่อย่างใด แม้จะนำเอกสาร นสล.มาแสดง ก็กล่าวหาว่าไม่ใช่ฉบับจริง เป็นแค่ใบถ่ายเอกสารไม่น่าเชื่อถือ แม้ตนจะเพิ่งจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านมาเพียง 3 ปี แต่ได้ศึกษาข้อมูลจาก อบต.โคกสูง แล้วพบว่าฉางข้าวอยู่ในเขต นสล.จริง ส่วนที่นางสมพงษ์อ้างครอบครองโฉนดอย่างถูกต้องนั้น ตนได้ชี้แจงแล้วว่า นสล.เลขที่ นพ.0755 ออกเมื่อปี 2539 แต่โฉนดของนางสมพงษ์ออกเมื่อปี 2542 ควรยอมรับความจริงกันบ้างไม่ใช่จะดันทุรังเช่นนี้ จึงต้องขอพึ่งอำนาจกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน และสิ่งที่ครอบครัวของนางสมพงษ์ไม่น่าทำคือรื้อสิ่งปลูกสร้างของหลวง ควรจะรอคำตัดสินของศาลเสียก่อน หากอนาคตแพ้คดีจะทำอย่างไร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: