ชัยภูมิ – ด้าน จนท.ตร. คนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุย่านกลางใจเมืองยัง งง! พร้อมเร่งหาหลักฐานเพิ่ม ว่าเกิดจากเสาไฟล้มเอง หรือ จยย.ขับไปชนล้ม จนเป็นเหตุทำให้สาวใหญ่อดีต จนท.ประมงจังหวัดชัยภูมิ เสียชีวิตครั้งนี้ได้อย่างไร เพื่อดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป!
เมื่อเวลา 14.45 น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 พ.ต.ต.สมชาย รัตนวิชัย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีเสาไฟส่องสว่างล้มทับรถจักรยานยนต์ มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นหญิง 1 ราย อยู่ที่บริเวณหน้าสำนักงานป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ ก่อนถึงวงเวียนอนุสาวรีเจ้าพ่อพญาแล (ย่านกลางใจเมืองชัยภูมิ) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมประสานให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพจากโรงพยาบาลชัยภูมิและหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย นอนไม่ได้สติ เลือดไหลออกบริเวณปากและจมูก สวมเสื้อแขนยาวสีเขียวอ่อน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน อยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ ป้ายทะเบียน กลย 999 หมวดจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จึงเร่งปฐมพยาบาลก่อนให้การช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลชัยภูมิ แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน ทราบต่อมาชื่อ นางทองสา ราชาเดช อายุ 61 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 299/264 หมู่ที่ 7 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กรมประมงจังหวัดชัยภูมิ
สอบถามไปยัง นายลอด สร้อยสูงเนิน อายุ 52 ปี คนขับรถสามล้ออยู่ใกล้บริเวณเกิดเหตุเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งหันหลังให้กับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าวที่น่าจะขับผ่านเสาไฟส่องสว่าง ที่เป็นเหล็กกลมยาวสูงหลายเมตรขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมตลอดช่วงข้างทางริมฟุตบาท อยู่หน้าสำนักงานป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ และได้ยินเสียงดังโครมก่อนที่จะหันไปดูพบเสาไฟส่องสว่างดังกล่าว ล้มลงไปทับรถจักรยานยนต์ที่มีหญิงรายนี้แล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วย
ด้าน พ.ต.ต.สมชาย รัตนวิชัย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ หลังได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ จะได้เร่งตรวจสอบหาหลักฐานพยานเพื่อยืนยันสาเหตุที่แน่ชัดเจนเพิ่มเติมอีกครั้งและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุการเกิดเหตุในครั้งนี้ว่าเกิดจากเสาไฟล้มทับ หรือ รถจักรยานยนต์ขับไปชนเสาไฟจนล้มที่แน่ชัดก่อนอีกครั้ง และจะเชิญเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเสาไฟดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ หากมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อไป
