ฉะเชิงเทรา – สังเวยแล้ว 2 ศพแรกบนถนน 304 ช่วงส่วนขยายใหม่ แยก พล.ร. 11-บ้านหัวสวน สายปราบเซียน เจ้าของกิจการมะพร้าวกะทิรายใหญ่ และธุรกิจหลากหลายชนิดในเมืองแปดริ้ว น้องสาว-เขย รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ขับกระบะลื่นไถลตกถนนฟาดเสาป้ายบอกทางพังยับดับคาที่ เจ็บหนักอีก 1 ราย ขณะนัดกันจะเดินทางไปร่วมงานศพในพื้นที่ อ.บางคล้า ส่วนด้านบุตรหลานมาเห็นถึงเข่าทรุดปล่อยโฮทันทีในที่เกิดเหตุ
วันที่ 7 พ.ย.63 เวลา 19.00 น. ร.ต.ท.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์กระบะลื่นไถลพุ่งชนเข้ากับเสาป้ายบอกทางขนาดใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่บริเวณด้านหน้าปั้มน้ำมันบางจากสาขาบางไผ่ บนถนนสาย 304 พื้นที่ ม.8 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 304 ด้านฝั่งขาออกช่วงส่วนขยายใหม่ ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา (2562) จากสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 อ.เมืองฉะเชิงเทรา ไปยังบ้านหัวสวน อ.บางคล้า ระยะ 5.5 กม. พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แบบแค็บสีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฒม-78 กทม. ลื่นไถลตกถนนไปฟาดติดอยู่กับโคนเสาป้ายบอกทางขนาดใหญ่ บริเวณกลางคันจนตัวรถบิดงอพังเสียหายยับเยิน
จนทำให้คนขับ คือ นางอัจฉรา เวฬุตันติ อายุ 50 ปีเศษ ซึ่งเป็นน้องสาวของ นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลิวกระเด็นไปตกอยู่บนไหล่ทางคู่ขนานด้านในด้านฝั่งขาออก นอนเสียชีวิตคาที่ และมีร่างของนายบุญสม ตันติสุขเจริญยิ่ง หรือเฮียฮ๊ก เจ้าของธุรกิจมะพร้าวกะทิสด และร้านค้าส่งก๊าซหุงต้ม รวมถึงธุรกิจครอบครัวแบบกงสีอีกหลายด้าน ในซอยโรงต้มย่านตลาดบ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เสียชีวิตติดคาซากรถอยู่ที่เบาะด้านซ้ายคนขับ
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นหญิงอีก 1 รายยังไม่ทราบชื่อ นั่งมาในรถบริเวณเบาะแค็บด้านหลัง ถูกช่วยเหลือนำส่งไปยัง รพ.พุทธโสธร ไปก่อนหน้าแล้ว ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุได้มีญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูยังในที่เกิดเหตุ ถึงกับเกิดอาการเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นจนเดินไม่ไหว และร้องไห้ด้วยความเสียใจ อยู่ในที่เกิดเหตุจน จนท.ต้องช่วยกันประคองออกไปพักทันที
ส่วนด้าน นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเดินทางไปก่อนหน้าจนเกือบจะถึงยังที่บริเวณงานศพในพื้นที่ อ.บางคล้า แล้ว ได้รีบให้คนขับรถขับรถยนต์ส่วนตัวพาย้อนกลับมายังในที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับสอบถามถึงเหตุการณ์และสาเหตุที่เกิดขึ้น ก่อนจะระบุว่าตนเองพร้อมด้วยน้องสาวและน้องเขยได้นัดหมายกัน เพื่อที่จะเดินทางไปร่วมงานศพของคนรู้จักที่สนิทใกล้ชิดกัน ยังที่วัดโพธิ์บางคล้า ในตัว อ.บางคล้า
โดยต่างคนต่างมา โดยตนเองนั้นเดินทางมาจากในกรุงเทพฯ ส่วนน้องสาวและน้องเขยเดินทางมาจากบ้านใน ต.บ้านใหม่ จนมาทราบเหตุในขณะที่ตนได้เดินทางไปก่อนจนเกือบจะถึงยังที่งานศพในวัดโพธิ์บางคล้าแล้ว จึงได้รีบวนรถกลับมาดู จึงพบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นน้องสาวและน้องเขย เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งคู่ โดยที่ตนไม่เคยทราบถึงประวัติของถนนสายนี้ ตรงบริเวณจุดนี้มาก่อนเลยว่าเคยมีผู้มาประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้งแล้ว ในขณะที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ นายอำพันธุ์ ระบุหลังถูกซักถามในที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกัน นายปรีชา อ่อนทอง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/1 ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอาสาสมัครกู้ภัยฯ ประจำจุดในบริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่เริ่มมีฝนตก หรือเข้าสู่หน้าฝน บนถนนสายนี้ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นซ้ำซากบ่อยครั้ง หรือทุกครั้งในขณะที่มีฝนตกลงมา ในลักษณะของรถที่ขับมาบนถนนแล้วลื่นไถล จนตัวรถตกถนนหรือพุ่งไปชนเข้ากับคันอื่นที่ขับตามกันมา
และเกิดขึ้นแบบต่อเนื่องกันซ้ำซาก บ่อยครั้งนับสิบรายต่อวัน จนในบางวันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่เวลา 04.00 น. ต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืนก็ยังคงมีอุบัติเกิดขึ้นอีกอย่างซ้ำซากไม่หยุด จนทำให้ตนเองพร้อมด้วยอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฯ ที่ประจำอยู่จุดนี้ที่ ต่างอ่อนล้าไปตามๆ กันที่ได้มาคอยช่วยเหลือคนเจ็บ หรือต้องคอยให้ความช่วยเหลือกันไปอย่างน่าสงสาร
จึงอยากวิงวอนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้น และตรงกับสาเหตุให้ได้อย่างถาวรจบสิ้นด้วย เนื่องจากไม่ใช่เรื่องของการขับรถโดยประมาท หรือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยปกติทั่วไป เพียงแค่มีฝนตกลงมาเปียกถนนเพียงเล็กน้อย ถนนจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นพื้นผิวที่ลื่นขึ้นในทันทีนับตั้งแต่มีการสร้างถนนแล้วเสร็จมา
ซึ่งในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุได้มีฝนตกพรำลงมาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดขึ้น จนถึงขั้นทำให้คนมาเสียชีวิตแล้ว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นเคสแรกที่มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังเริ่มเข้าสู่หน้าฝนของปีนี้มา มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้วมากเกินกว่าที่จะนับได้ หรืออาจจะสูงถึงเกือบนับพันรายแล้วก็อาจเป็นได้ นายปรีชา กล่าว
