จากการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งยุบสภาเทศบาลนครอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 ภายหลังได้รับรายงานข้อเท็จจริงและความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีว่า สภาเทศบาลนครอุบลราชธานี ไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุมัติร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 , 2557 และ 2558 รวมถึงไม่อนุมัติให้กันเงินตามเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี การจ่ายขาดเงินสะสม ทำให้เทศบาลไม่สามารถดำเนินการงานโครงการสำคัญ รวมวงเงินนับพันล้านบาท ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสภาเทศบาลฯ กับเทศบาลฝ่ายบริหารที่เป็นปัญหารื้อรังมายาวนานนั้น
หากอ่านคำสั่งกระทรวงมหาดไทย จะพบข้อมูลโดยสรุปว่าสภาฯโดย สมาชิกสภาเทศบาลนครอุบลฯ
ไม่อนุมัติร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ปี 2556 (4โครงการ) ,
ปี 2557 (22โครงการ) ,
ปี 2558 ไม่อนุมัติเงินเหลื่อมปีซื้อรถโดยสารทั้งที่สภาเห็นชอบเอง , ไม่อนุมัติจ่ายเงินสะสม 31โครงการ ผู้ว่าฯขอ 3 ครั้งก็ไม่อนุมัติ ทำให้ 7 โครงการสำคัญไม่ได้ทำ ส่งผลประชาชนเสียประโยชน์
แต่ปัญหานี้ก็ยืดเยื้อเรื้อรังผ่านผู้ว่าฯมาหลายท่าน จนมาถึงสมัยนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบัน อะไรเป็นจุดเดือด ? พอที่จะให้ส่งเรื่องให้มหาดไทยสั่งยุบสภาฯ? ผู้สื่อข่าวทีวีชุมชนอุบลราชธานีวิเคราะห์จุดสุดทนได้ 5 ประเด็น คือ
1.การตัดงบประมาณทุกปี ตั้งแต่ปี 2556 – ถึงปัจจุบันมีงบประมาณที่ถูกตัดไปรวม 556,011,000 บาท ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี และประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม ข้อนี้ปรากฎชัดในคำสั่งกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว สมาชิกสภาเทศบาลนครอุบลราชธานีแจงเหตุผลว่าการจัดงบประมาณไม่สมเหตุสมผล แต่ผู้ว่าฯและมหาดไทยไม่เห็นด้วยตามเหตุผลดังกล่าว
2.เกิดความไม่เข้าใจในหลักเกณฑ์เงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานตามแนวทางโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุขปี 2561 สภาฯจึงไม่อนุมัติ มาอนุมัติเมื่อปี 2562 ล่าช้าไปปีกว่า
3.เมื่อลองตรวจสอบงบประมาณในรายละเอียดจะพบว่า งบที่ตัดส่วนหนึ่ง เป็นงบเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมให้ท้องถิ่นทั่วประเทศทำ ทั้งการจ้างงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงถนน การจัดการขยะ ใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบตามนโยบายรัฐบาล ท่องเที่ยว สนับสนุนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขอไป 7 ครั้ง วงเงินประมาณ 200 กว่าล้าน ไม่อนุมัติสักครั้ง จนครั้งสุดท้ายตัดเหลือ 39 ล้านกว่า ก็ยังไม่อนุมัติ ด้วยเหตุผลโครงการยังไม่มีความพร้อมและไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ข้อนี้มีโอกาสส่งผลเสียหายต่อโครงการของรัฐบาล ซึ่งนับว่าหนักหนาอยู่สำหรับผู้บริหารจังหวัด
4.ปี 2558 สภาฯอนุมัติเงิน 2 ล้านกว่าเมื่อ 29 กันยายน สิ้นปีงบประมาณ ต้องขอทำงบเพิ่มเติมจึงจะนำเงินมาใช้ได้ ปรากฎว่าสภาฯไม่อนุมัติงบเพิ่มเติม บอกว่าทางฝ่ายบริหารช้าเอง เงินดังกล่าวจึงนำออกมาใช้ไม่ได้ตามระเบียบทางราชการทั้งที่ผ่านการอนุมัติของสภาฯแล้ว
5.หนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาของสภาฯกับทางจังหวัด บางส่วนของการชี้แจง ได้มีการเสนอแนะข้อกฎหมายที่สั่งให้นายกเทศมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้ว่าฯเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีคำสั่งยุบสภา
แม้ทางสภาเทศบาลนครอุบลฯพยายามหาเหตุผลในทุกการกระทำ แต่ก็เป็นเหตุผลคนละชุดกับผู้บริหารเทศบาลนครอุบลราชธานี และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อติดขัดไม่สามารถนำงบประมาณมาดำเนินการ ทั้งโครงการในพระราชดำริ โครงการตามนโยบายรัฐบาล ยืดเยื้อมา 4-5 ปี และยังมีหนังสือทางการชี้แจงข้อกล่าวหาเชิงท้าทายเสนอแนะให้ยุบสภาอีก น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ผู้ว่าฯตัดสินใจเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้มีคำสั่งยุบสภาในที่สุด อย่างไรก็ตามตามหลักการ สภาฯก็มีโอกาสร้องต่อศาลปกครองได้ก่อนวันที่ 9 มกราคม 2562 ทางผู้ว่าฯก็ต้องเสนอรายชื่อ สท.แต่งตั้ง36 คนให้ทางมหาดไทยคัดเหลือ 12 คน ภายใน 26 ตุลาคม 2561(ขณะที่เขียนบทความนี้ผู้ว่าฯเสนอไปเรียบร้อยแล้ว) มหาดไทยต้องประกาศรายชื่อ 12 สท.ใหม่ภายใน 28 พ.ย.61
ประชาชนต้องคอยจับตาว่า สมาชิกสภาเทศบาลนครที่ได้รับการแต่งตั้งชุดใหม่ จะทำหน้าที่ตรวจสอบ บริหารได้มีประสิทธิภาพมากกว่าชุดเก่าหรือไม่
2 พฤศจิกายน 2561
สุชัย เจริญมุขยนันท
ทีวีชุมชนอุบลราชธานี
