สระแก้ว – เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่าง EIA โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 85 เมกกะวัตต์ ของโรงงานน้ำตาล KSL แห่งที่ 3 ในพื้นที่ จ.สระแก้ว มีผู้แสดงความเห็นคัดค้านและข้อห่วงใยคึกคัก
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียด ขอบเขตการศึกษาและการประเมินทางเลือก โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 85 เมกกะวัตต์ ของบริษัทน้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด โดยมีผู้แทนหน่วยงานราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นักวิชาการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน ผู้แทนสถานประกอบการ และประชาชน พื้นที่ อ.วัฒนานคร 3 ตำบล ,อ.อรัญประเทศ 3 ตำบล รวม 33 หมู่บ้าน จำนวนประมาณ 700 คนเข้าร่วมเวทีฯ ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาถือป้ายคัดค้านโครงการ ด้านหน้าอาคารหอประชุมฯ ประมาณ 60-100 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ถือเป็นเวทีแรก มีประชาชนจำนวนมากมาร่วมรับฟังทั้งด้านล่างและด้านข้างหอประชุม โดยมีนายโสมนัส โพธิสัตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ร่วมรับฟังรายละเอียด ประเภท ขนาดโครงการ และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่บริษัทต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ ซึ่งมีบริษัท เทคนิคสิ่งแวดล้อมไทย จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางบริษัทที่ปรึกษาฯ ให้ข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลฯว่า โครงการมีกำลังการผลิตสูงสุด ประมาณ 62.56 เมกกะวัตต์ หรือกำลังการผลิตติดตั้ง 85 เมกกะวัตต์ ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารจัดการไอน้ำและไฟฟ้าให้กับโรงงานผลิตน้ำตาลเป็นหลัก ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 20,400 ตันอ้อย/วัน และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า ได้แก่ ระบบการเผาไหม้ ระบบกังหันไอน้ำ และระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นฝุ่นขนาดเล็ก ด้วยระบบบำบัดมลพิษทางอากาศแบบไฟฟ้าสถิต และใช้เชื้อเพลิงหลักจากชานอ้อย ที่มีอยู่อย่างเพียงพอภายในโรงงานผลิตน้ำตาล มาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไอน้ำส่งให้กับโรงานผลิตน้ำตาลโดยตรงและผลิตไฟฟ้า พร้อมทั้งยืนยันว่า จะไม่มีการนำเชื้อเพลิงจากถ่านหินมาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าอย่างแน่นอน
นายเสริม หันทะยุง ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.หันทราย แกนนำชาวบ้าน กล่าวในเวทีว่า ชาวบ้านเป็นห่วงปัญหาเรื่องน้ำจากห้วยพะใยเพราะดูจากผังการขุดสระน้ำของโครงการติดคลองซึ่งมีผลกระทบกับคนท้ายน้ำที่มีโอกาสน้ำเสียล้นเข้าคลองที่ห่างจากคลองพรหมโหดประมาณแค่ 500 เมตร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของชาวบ้านและพี่น้อง อ.อรัญประเทศ เพราะชาวอรัญประเทศได้น้ำจากคลองพรมโหดมาเป็นน้ำประปาให้คนอรัญประเทศอุปโภคบริโภค ปัจจุบันเมื่อเห็นว่า น้ำในคลองพรมโหดผิดปกติ จึงประสานให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้วนำน้ำไปตรวจ พบว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำหนองน้ำใสและหนองบัวเหนือ มีสารโลหะหนักและสารตะกั่ว แคดเมียม เกินมาตรฐานกำหนด เมื่อก่อนใช้น้ำประปาจากคลองพรมโหดแต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว จึงไม่อยากให้สร้างโรงงานในบริเวณนี้
ขณะที่ นายวัลลภ วรนาม อดีต ผอ.โรงเรียนในพื้นที่โครงการฯ กล่าวว่า โครงการที่สร้างจะมีปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรน้ำแน่นอน ซึ่งหน้าฝนไม่เป็นห่วงเพราะจะมีน้ำหลาก แต่หน้าแล้งบางปีน้ำลดลงมาก หากทางโรงงานใช้น้ำวันละ 4,000 ลบ.ม. ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 9 เดือน 270 วัน ใช้น้ำประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม.เชื่อว่าจะมีปัญหา และการดำเนินการปีแรก ๆ จะไม่มีปัญหา แต่ปีที่ 4 หรือ 5 จะเริ่มมีปัญหาจากความหย่อนยานของการตรวจสอบติดตาม และความอ่อนแอของชุมชน โอกาสที่น้ำเสียจากระบบการผลิตไหลออกมาและเป็นมหันตภัยของคน 29 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ระบบที่โรงงานว่าระบบดี แต่ป้องกันได้เฉพาะฝุ่นละออง แต่กันกลิ่นไม่ได้ ปัญหาที่ตามมาของการเจ็บป่วยที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น มีการตั้งงบประมาณไว้หรือไม่ โรงงานบอกว่าจะมีกองทุน แล้วสามารถนำมาใช้ได้จริงเลยหรือไม่ เพราะต้องผ่านการพิสูจน์ว่า เป็นโรคที่เกิดจากโรงงาน พอดีคนตายไปแล้ว จึงมองว่า มูลค่าโครงการ 3 หมื่นล้าน อาจจะซื้อประชาชนไม่ได้
——————————
