นราธิวาส-หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 48 พบปะผู้นำศาสนา สร้างความเข้าใจหารือรับฟังร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความยั่งยืน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
พ.อ.เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และส่วนราชการ ร่วมกิจกรรมพบปะอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ในพื้นที่ 2 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เจาะไอร้อง และ อ.สุไหงปาดี รวม 9 ตำบล 83 หมู่บ้าน เพื่อเป็นการพัฒนาสานสัมพันธ์ หารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมถึงการประสานขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ โดยฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 2 อำเภอ (อ.เจาะไอร้อง และ อ.สุไหงปาดี)
ปัญหายาเสพติด หรือปัญหาอื่นๆในมิติของศาสนา เพื่อพูดคุยหารือร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันแสวงหาแนวทางการป้องกันและขจัดปัญหาในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือผู้นำศาสนาในการช่วยขับเคลื่อนเยาวชนให้เข้าใจหลักศาสนาที่ถูกต้อง มีความตระหนักถึงโทษของยาเสพติด เพื่อห่างไกลจากพิษภัยของยาเสพติด และเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเอง สามารถพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม และประเทศชาติ โดยเน้นมัสยิดเป็นจุดศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหา
พ.อ.เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 กล่าวว่า แนวทางการทำงานในขณะนี้ ถือว่าดีอยู่แล้ว แนวทางการทำงานยังคงเจตนารมณ์ยังคงสานต่อนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 และเดินหน้าสร้างสันติสุขผ่านความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ยึดหลักการใช้สันติวิธี โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนและผู้นำศาสนาเพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างถาวร เพื่อให้พื้นที่นี้กลับมาสงบร่มเย็นอีกครั้ง นอกจากนี้การได้มาพบปะผู้นำศาสนาถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้ให้คำแนะนำที่ดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในการแก้ปัญหาพื้นที่ ทำให้สถานการณ์และการพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการพูดคุยกันผู้นำศาสนาก็ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการทำงานเพื่อช่วยให้พื้นที่มีความสงบสุข สำหรับพื้นที่นี้นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่เฉพาะทหาร ทั้งตำรวจ ปกครอง และประชาชนต้องช่วยกัน อีกทั้งในพื้นที่ภาคใต้ยังมีปัญหาเรื่องภัยแทรกซ้อน ปัญหายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ต้องเข้มงวดให้มากขึ้น และเป็นงานหนักที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแล กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก็ให้ทุกคนได้บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน แม้จะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง แต่จะเห็นได้ว่า เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้โดยตลอด ด้วยความเป็นคนไทยที่อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และยึดมั่นในความเป็นคนไทย ที่มีความรักในผืนแผ่นดินไทย รักบ้านเกิดของตน ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกันในการรักษาความสงบ ความร่มเย็นเป็นสุขก็จะตามมา ความอยู่ดีกินดีก็จะตามมา เมื่อนั้นสันติสุขก็จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้านนายแวอาแซ แวมามะ ประธานชมรมอีหม่ามประจำอำเภอสุไหงปาดี กล่าวว่า มีความมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลพื้นที่ และเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่าจะสานต่อนโยบายที่ได้ดำเนินการมาแล้ว เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพูดคุยสันติสุขผ่านสภาสันติสุขตำบล ที่จะทำให้ทราบถึงสภาพปัญหาต่างๆของประชาชนในพื้นที่ และนำมาสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: