วันที่ 17 พ.ย.63 ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียงประมาณ 60 คน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีพวกตนซึ่งเป็นผู้เสียหายจำนวนกว่า 100 คน ได้ถูกหลอกในการชักชวนร่วมลงทุนเงินออมผ่านทางช่องทางเฟซบุ๊กโดยมีผู้ที่หลงเชื่อ สูญเงินไปเป็นวงเงินกว่า 10 ล้านบาท จึงได้นัดรวมตัวกันเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามดำเนินคดีกับแก๊งต้มตุ๋นรายนี้ด้วย
น.ส.สุภาวดี ตะกรุดเงิน หรือน้องดรีม อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 13/1 ม.2 ต.เกาะรัง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนเกิดเหตุได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กลงในเพจชื่อ “ออมกินดอกบ้าน” และบ้านแชร์ท้าวเจ้าครีม โดยมีการลงภาพโปรไฟล์ชื่อนามสกุลบัตรประชาชนจริง คือ น.ส.ศุภิสรา จั่นทองแท้สกุล อายุ16 ปี บ้านเลขที่ 54/1 ม.3 ต.เกาะรัง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และบัตรประจำตัวนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ระดับชั้น ปวช. ซึ่งเป็นคนอยู่ในพื้นที่ตำบลเดียวกัน โดยเพจดังกล่าวได้ชักชวนให้ร่วมลงทุนออมเงิน และเล่นแชร์ ซึ่งมีทั้งแชร์ทองคำ และแชร์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งแยกออกไปหลายรายการ อย่างเช่นข้อความชวนเชื่อเมื่อลงทุนเงินออมไปวงเงินเท่าไรก็จะได้ผลตอบแทน 80-100 % ภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันตามโปรในแต่ละรายการ นอกจากนั้นในส่วนของแชร์ทองคำ และมือถือ ผู้ที่ร่วมเล่นจะต้องทยอยส่งเงินให้ท้าวแชร์ตามกำหนดจนครบตามข้อตกลงถึงจะได้รับสินค้าซึ่งเป็นทองคำและโทรศัพท์มือถือ
น.ส.สุภาวดีกล่าวต่ออีกว่าในระยะแรกตนเองและอีกหลายๆ รายได้ร่วมทดลองลงทุนเงินออมจำนวนเงินหลักพัน และหลักหมื่น จะได้รับเงินปันผลตอบแทน 80-100 % ตามข้อตกลงจริงๆ จึงทำให้ข่าวแพร่สะพัดออกไปจนทำให้มีผู้ที่หลงเชื่อทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดจำนวนมากนำเงินมาร่วมลงทุนเงิน ออมกินดอกบ้านครีมเป็นจำนวนมากตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนต่อราย ส่วนตนเองก็ลงเงินไปถึง 2 แสนกว่าบาท หลังจากนั้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาปรากฎว่า เจ้าของเพจเงินออมกินดอกบ้านครีมกลับไม่ได้มีการโอนเงินทุนและเงินปันผลตอบแทนกลับมาให้สมาชิกตามกำหนดที่ตกลง โดยมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นาๆ สุดท้ายปิดเฟซบุ๊กหนี และหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ พวกตนที่เป็นสมาชิกในกลุ่มจึงมั่นใจว่าถูกฉ้อโกงอย่างแน่นอน จึงรวมตัวกันเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทางด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.กล่าวว่าในเบื้องต้นหลังจากที่ชาวบ้านจำนวนมากได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในเบื้องต้นจะได้ให้ตัวแทนชาวบ้านซึ่งผู้เสียหายแจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์กับผู้ก่อเหตุไว้เป็นหลักฐานจำนวน 2 ราย จากนั้นได้แนะนำให้ผู้เสียหายแต่ละรายนำพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ ในการโอนเงินลงทุนและถูกฉ้อโกงไปทยอยมาพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ หรือผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถเดินทางไปแจ้งความยังสถานีตำรวจใกล้ภูมิลำเนาที่อยู่ได้ และเมื่อทางพนักงานสอบสวน ได้สอบสวนปากคำผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตามตัว น.ส.ศุภิสรา จั่นทองแท้ หรือน้องครีม สาววัย 16 ปี นำมาสอบสวนเพื่อขยายผลถึงผู้ที่สมรู้ร่วมคิดตั้งแก๊งฉ้อโกงในครั้งนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: