ฉะเชิงเทรา – จับโจรปังตอ ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ต่อเนื่อง 8 คดีรวด ในย่านตัวเมืองแปดริ้ว ทั้งที่เคยมีอาชีพคลุกคลีอยู่กับวงการตำรวจ สารภาพเคยทำงานในที่เก็บของกลางเอกชนระหว่าง 2 โรงพักใหญ่ ด้านผู้การพร้อมคณะนั่งอบรมโชว์สื่อให้รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี ทำโจรร้ายถึงกับหลั่งน้ำตารินร่ำไห้ ก่อนเชิญชวนให้ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีเอาผิดเพิ่มเติมหากเคยตกเป็นเหยื่อ ขณะทรัพย์สินที่ได้แต่ละครั้งแค่จิ๊บจ้อยเพียงหลักร้อย หนักสุดลวนลามเหยื่อหญิงสาว
วันที่ 13 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่ห้องบริการประชาชน แบบวันสต็อปเซอร์วิส สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.นเรวิช สุคนธวิธ รอง ผบก. พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก. และ พ.ต.อ.กนกศักดิ์ สิงห์ทอง รักษาราชการแทน ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ คือ นายวุฒิพงษ์ นารีผล อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9809 ม.1 ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
ซึ่งเป็นคนร้ายใช้อาวุธมีดแบบหัวตัดหรือมีดปังตอ ลักษณะคล้ายดาบแบบแบนหนาตัดครึ่ง ยาวประมาณ 50-60 ซม. ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนมาอย่างโชคโชนถึง 8 คดีในท้องที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เริ่มตั้งแต่ครั้งที่ 1 ที่บริเวณหอพักพรกมล ย่านถนนสวนสมเด็จฯ เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ก่อเหตุเมื่อวันที่ 24 ต.ค.63 เวลา 02.00 น. เหยื่อเป็นหญิงสาวไม่มีทรัพย์สินติดตัว แต่ได้ก่อเหตุลวนลามแทน
จากนั้นในเวลา 03.00 น. วันเดียวกันยังได้มาก่อเหตุต่อเนื่องในจุดที่ 2 ที่บริเวณด้านหน้าร้านขายขนมฝากริน ริมถนนสิริโสธร (ฉะเชิงเทรา-บางปะกง) ได้เงินสดไปเพียง 200 บาทจากเหยื่อ ต่อมาในวันที่ 29 พ.ย.63 เวลา 03.00 น. ได้ก่อเหตุขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 3 ที่บริเวณจุดตัดถนนสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง เชื่อมเข้าถนนสาย 365 บายพาสเลี่ยงเมือง หรือทางสามแยกบางพระ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เงินสดไปอีก 200 บาท
ในวันที่ 5 ธ.ค.63 เวลา 03.30 น. ได้ก่อเหตุขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 ที่บริเวณริมถนนมรุพงษ์ เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา แต่ก่อเหตุไม่สำเร็จเหยื่อดิ้นรนหลบหนีไปได้ จากนั้นในวันที่ 7 ธ.ค.63 เวลา 05.00 น. ได้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์อีก เป็นครั้งที่ 5 ที่บริเวณทางโค้งหน้าร้านอาหารบุรีมายา ใกล้กับสถานีขนส่งผู้โดยสาร เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้โทรศัพท์มือถือไป 1 เครื่องและเงินสด 100 บาท
ครั้งที่ 6 ได้ก่อเหตุขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63 เวลา 05.30 น. ที่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดบางพระ ต.โสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เงินสดไป 460 บาท ต่อเนื่องแบบเรียงรายวันได้ก่อเหตุซ้ำขึ้นอีกในวันที่ 9 ธ.ค.63 เวลา 03.00 น. ที่บริเวณหน้าร้านขายก๊าซหุงต้ม ริมถนนเทพคุณากร ทางเข้าวัดโสธร ได้เงินสดไปจำนวน 2,100 บาท และก่อเหตุซ้ำสองขึ้นในวันเดียวกันในเวลา 05.00 น. ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นลาย ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ติดตามจับกุมตัวมาได้
ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราเลขที่ จ.316/2563 ลงวันที่ 11 ธ.ค.63 ในที่สุด ที่บริเวณปากทางสามแยกเข้าสู่หมู่บ้านมารวย พื้นที่ ม.1 ต.โสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เงินสดไปจำนวน 900 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ถึงยังภายในบ้านพักเลขที่ 9809 ม.1 ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับสารภาพ ว่าได้ก่อเหตุใช้มีดปังตอจี้ชิงทรัพย์จากเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวมาอย่างต่อเนื่องจริงรวม 8 ครั้งในท้องที่ของ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา
ก่อนที่จะนำเงินไปใช้จ่ายในการเลี้ยงชีพในชีวิตประจำวันและซื้อยาเสพติดมาเสพจนหมด โดยได้หยิบยืมมีดของคนภายในครอบครัวมา และยังยืมยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 125 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กน-1872 ฉะเชิงเทรา ของผู้เป็นป้ามาใช้ในการก่อเหตุ พร้อมยอมรับอีกด้วยว่าเคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาเมื่อปีที่แล้ว และยังเสพยามาก่อเหตุในแต่ละครั้งด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.ชาคริต ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำการซักถาม สอบสวนปากคำเพิ่มเติมต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมกับอบรมสั่งสอนให้กลับตัวหลับใจเป็นคนดี หากได้พ้นจากการลงโทษตามกฎหมายออกมา ซึ่งนายวุฒิพงษ์ ได้รับปากว่าจะกลับตัวเป็นคนดี ซ้ำยังหลั่งน้ำตาอย่างซาบซึ้งในคำสั่งสอนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ภายใต้หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ที่ถูกเจ้าหน้าที่นำมาสวมใส่ให้ เพื่อปิดบังใบหน้า
ทั้งยังยอมรับสารภาพอีกด้วยว่า เคยทำงานให้กับบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นผู้รับเหมาสถานที่ใช้เป็นสถานที่เก็บของกลางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 2 โรงพัก คือ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และ สภ.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ ซึ่งเป็นโรงพักที่มีคดีจราจรค่อนข้างมาก และมีรถที่ต้องถูกตรวจยึดหรือถูกยกลากจูงนำไปเก็บไว้ เพื่อรอการตรวจสอบสภาพหลังจากเกิดอุบัติเหตุ หรือรอการดำเนินการทางคดีเป็นจำนวนมาก จะถูกผู้รับเหมายกนำไปเก็บไว้ยังสถานที่ดังกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.ชาคริต ผบก.ฉะเชิงเทรา ยังได้ฝากเชิญชวนให้ประชาชนที่เคยตกเป็นเหยื่อถูกผู้ต้องหารายนี้ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ไป หรือเคยถูกลวนลาม ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ ยังที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพิ่มเติม เพื่อขยายผลในให้สามารถดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาได้อย่างครบถ้วนตามกฎหมายในทุกคดีที่ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุขึ้น
–จับโจรปังตอ ก่อเหตุชิงทรัพย์ต่อเนื่อง 8 คดีรวดในตัวเมืองแปดริ้ว
