กรุงเทพฯ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล ย้ำ บทเรียนความสำเร็จคุมโควิด-19 ของไทย เกิดจากบูรณาการทุกภาคส่วน ชี้ สงครามโรคครั้งนี้ยังไม่ยุติ จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป ด้านผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ชม กระบวนการสมัชชาสุขภาพไทย เป็นกลไกที่ทรงพลัง พร้อมบันทึกเป็น ‘ผลงานเด่น’ ในคู่มือ WHO เผยแพร่ทั่วโลก
คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2563 เป็นวันที่ 2 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมใหญ่ สำนักงาน TOT ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ภายใต้ประเด็นหลัก (ธีม) “พลังพลเมืองตื่นรู้ … สู้วิกฤตสุขภาพ” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมมากกว่า 2,000 คน จากทั้งที่เดินทางมาเข้าร่วมภายในงาน และประชุมผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อทุกจังหวัด
โดยสมาชิกสมัชชาสุขภาพฯ ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง ถกแถลงและปรับแก้ร่างมติสมัชชาสุขภาพฯ อย่างรอบด้านครบทั้ง 2 ระเบียบวาระ ได้แก่ 1.ความมั่นคงทางอาหารในภาวะวิกฤต และ 2.การบริหารจัดการวิกฤตสุขภาพแบบมีส่วนร่วมกรณีโรคระบาดใหญ่ ก่อนจะให้ความเห็นชอบร่วมกันเป็นฉันทมติโดยที่ไม่มีผู้คัดค้านแม้แต่รายเดียว ขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) จะนำมติสมัชชาสุขภาพฯ เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
สาระสำคัญของงานสมัชชาสุขภาพฯ วันที่สอง นอกจากเวทีเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “ก้าวผ่านวิกฤตโควิด…สู่ชีวิตใหม่และการจัดการใหม่” ที่มี นายสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินการเสวนาแล้ว ยังมีการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘พลังพลเมืองตื่นรู้ … สู้วิกฤตสุขภาพ’ โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ น.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ ตัวแทนเยาวชนจากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จังหวัดสงขลา และการปาฐกถาพิเศษผ่านทางออนไลน์ของ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO)
ข่าวน่าสนใจ:
- รมว.วธ. ยินดีกับ “หลานม่า”เข้ารอบชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 เป็น 1 ใน 15 เรื่องสุดท้าย
- นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร…
- เพชรบูรณ์ - "ยุพราช"ชี้! นักการเมืองไม่จำเป็นต้องรวย แค่เคียงข้าง ปชช.ไม่ทุจริตโกงบ้านเมืองก็พอ
- นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ ที่ว่าการอำเภอท่าฉาง พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า โควิด-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 73 ล้านคน แต่ประเทศไทยพบผู้ป่วยประมาณ 4,200 คนเท่านั้น และหากนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นมา ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพียง 18 คน ขณะที่อีก 1,000 คน ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ แม้ในช่วงแรกไทยจะถูกจับตามองว่าอาจเป็นศูนย์กลางการระบาดต่อจากจีน หากแต่ด้วยมาตรการที่จริงจังของรัฐ ศักยภาพของระบบสาธารณสุขและความร่วมมือของคนไทย ทำให้ประเทศยืนหยัดต่อสู้กับโควิด-19 มาได้จนได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและนานาชาติ
ความสำเร็จนี้เกิดจากความสามารถของแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมีเอกภาพ รวดเร็วและมีคุณภาพ ตั้งแต่หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ลงไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน อสม. และภาคประชาสังคม อย่างไรก็ตามยังต้องผนึกกำลังกันให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะต่อไปในอนาคตจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคหลายประการ เพื่อให้การประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจดำเนินไปได้
“ผมขอเน้นย้ำว่าการดำเนินงานเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพ และการยับยั้งควบคุมโรคจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาระบบสาธารณสุขนั้น ไม่ใช่ความสูญเสียหรือความสิ้นเปลือง แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญในระยะยาวเพื่อพัฒนาความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และ ‘สงครามโรคครั้งนี้ ยังไม่ยุติ’ การปรับตัวใช้ชีวิตแบบ New Normal จึงเป็นสิ่งจำเป็น การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ลดการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมากเป็นเวลานาน จะเป็นวัคซีนทางสังคมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ได้” นายอนุทินกล่าว
สอดคล้องกับ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ที่ปาฐกถาผ่านระบบออนไลน์ ชื่นชมประเทศไทยที่ผนึกกำลังทั้งภาครัฐและภาคสังคม รวมทั้งมีมาตรการที่รอบด้าน ทำให้สามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้เป็นที่น่ายกย่อง และยังกล่าวถึงสมัชชาสุขภาพของไทย ว่าเป็นตัวอย่างที่ทรงพลัง ทำให้เกิดกลไกการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วมในระดับชาติ ซึ่งนำไปสู่ความเชื่อมั่นและไว้ใจกันระหว่างภาครัฐกับประชาชน ความเชื่อมั่นและความเนื้อเชื่อใจกันนี้เอง เป็นสิ่งจำเป็นในช่วงวิกฤต
“เรื่องราวของสมัชชาสุขภาพของไทย ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผลงานเด่นที่จะบันทึกลงในคู่มือขององค์การอนามัยโลก เราตัดสินใจโดยไม่ลังเลที่จะนำเสนอเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสังคมเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจากภาคีเครือข่ายหลากหลาย ผ่านเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะเผยแพร่ไปทั่วโลกในเร็วๆ นี้” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: