X

เปิดปฏิบัติการสยบไพรี จับกุมเครือข่าย Bad Brothers รวบผู้ร่วมแก๊งคาหน่วยเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม

นครพนม – เปิดปฏิบัติการสยบไพรี จับกุมเครือข่าย Bad Brothers รวบผู้ร่วมแก๊งคาหน่วยเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม ยึดทรัพย์กว่า 50 ล้านบาท

วันที่ 21 ธันวาคม 2563 เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี(ผบ.กกล.ฯ) พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายภิญโญ โฆษิต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ภาค 4 ขอนแก่น พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายทินกร ขันแก้ว นายอำเภอนาหว้า พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี 64/3 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งที่ปลูกอยู่กลางสวนยางพาราใน ต.เหล่าพัฒนา อ.นาหว้า จ.นครพนม พร้อมอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วยบ้านพัก ที่ดินจำนวน 40 ไร่ พร้อมสวนยางพารา ฟาร์มหมู เล้าไก่ชน รถยนต์ 8 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน

โดยผู้เป็นเจ้าของที่ดังกล่าวชื่อนายเผด็จ ประเสริฐ อายุ 48 ปี มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 106 หมู่ 10 ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 561/2563 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2563 โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ที่บ้านพักอีกหลังหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ และได้นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 502/2563 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2563 เข้าจับกุมตัวนายปัญญา เงินชารี บ้านเลขที่ 72 หมู่ 12 บ้านนาโพธิ์ ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ขณะกำลังไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม โดยส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีกคนที่หลบหนีอยู่ชื่อนายผดุง ประเสริฐ เป็นน้องชายของนายเผด็จ

จากการสืบสวนสอบสวน ก่อนเข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าสองพี่น้องคู่นี้ มีพฤติกรรมร่วมกันค้ายาเสพติดในหลายพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ขณะลำเลียงยาเสพติดเข้าไปยังพื้นที่ชั้นใน โดยนายผดุงน้องชายเป็นตัวการใหญ่ นายเผด็จพี่ชายเป็นระดับสั่งการจัดหาผู้ลำเลียงยาเสพติด หรือที่เรียกกันว่านักบิน ส่วนนายปัญญาอยู่ในเครือข่ายทำหน้าที่ในการนั่งรถไปกับทีมลำเลียงยาเสพติด และรถสำรวจเส้นทางเพื่อเคลียร์ทางให้กับรถขนยาเสพติด

สอบสวนภรรยาของนายผดุงให้ข้อมูลว่า สามีเข้ามาที่บ้านครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว โดยขับรถเข้าไปในฟาร์มหมูแต่ไม่ได้คุยกันเพราะยังมีเรื่องทะเลาะกันอยู่ สาเหตุเกิดจากนายผดุงไปมีเมียน้อยเป็นชาวลาวชื่อนางม่อน และนายผดุงยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าพัฒนา เมื่อปี 2552 แต่ตนไม่ทราบว่ามีประวัติพัวพันกับการค้ายาเสพติด
การตรวจยึดทรัพย์ครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด 4 คดี ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมไอซ์รวม 1,500 กิโลกรัม และกัญชากว่า 1,050 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาซัดทอดว่านายผดุงเป็นผู้ติดต่อให้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน เบื้องต้นทราบว่านายผดุงตัวการสำคัญ ไหวตัวทันได้หลบหนีไปตามช่องทางธรรมชาติอยู่บ้านเมียน้อยคือนางม่อนที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

ด้านนายเผด็จพี่ชายเล่าว่าเคยคุยธุรกิจกับนายผดุงน้องชาย แต่อ้างว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้าง ยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทราบเพียงว่าประกอบอาชีพเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ และปลูกยางพารา ส่วนตัวเองทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฎิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นเส้นทางการเงินที่ทั้งสองคนโอนไปให้ทีมขนที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังมีการติดต่อทางโทรศัพท์และจากข้อมูลการสืบสวนพบว่าเครือข่ายของสองพี่น้องเริ่มมีบทบาทชัดเจนในปี 2563 โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท แม้จะยังไม่สามารถจับกุมนายผดุงซึ่งเป็นตัวการใหญ่ได้ แต่การจับกุมตัวผู้ต้องหาบางราย รวมทั้งยึดทรัพย์ก็นับเป็นการตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และตัดเส้นทางลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ตอนในได้เพราะเครือข่ายนี้นับเป็นรายใหญ่ และได้รับความไว้วางใจจากนายทุนในลำเลียงยาเสพติดในแต่ครั้งจำนวนมาก

ปฏิบัติการจับผู้ต้องหาครั้งนี้ เป็นการทลายเครือข่าย Bad Brothers (พี่น้องคู่เลว) เป็นแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดนครพนม โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องที่ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจัดหาทีมลำเลียงในพื้นที่ นครพนม บึงกาฬ และมุกดาหาร ก่อนส่งเข้าไปในภาคกลาง และส่งต่อไปยังตอนใต้ของประเทศ โดยในวันนี้ได้เข้าทำการจับกุมและตรวจยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 25 เป้าหมาย ได้แก่ กทม.และภาคอีสาน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านบาท

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน