ไฟไหม้ ซ้ำซากชาวบ้านหวั่นเกิดอาเพศ วัดบ้านปากน้ำหลวงพ่อเงิน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ม.ค. พ.ต.ท.สมอาจ แคนเภาว์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ห้องใต้ดินกุฏิสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดบ้านปากน้ำบุ่งสะพัง ต.กุดลาด อ.เมืองอุบลราชธานี จึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมทั้งจาก อบต.กุดลาดและใกล้เคียงรวม 8 คัน รีบรุดไปช่วยกันดับไฟ
พบต้นเพลิงเป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 4 ชั้น และมีชั้นใต้ดินใช้เก็บสิ่งของอีก 1 ชั้น โดยพบมีกลุ่มควันขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากชั้นใต้ดินอย่างรุนแรง จึงได้ระดมฉีดน้ำเข้าสกัดไฟนานกว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลง โดยไม่ลุกลามขึ้นไปไหม้ตัวอาคารส่วนที่เหลืออีก 4 ชั้น
สำหรับชั้นใต้ดินที่เกิดเหตุทางวัดใช้เป็นที่เก็บเครื่องใช้ อาทิ พรมปูพื้น โต๊ะหมู่บูชา โต๊ะเก้าอี้ เครื่องใช้สำนักงานเก่า ป้ายไวนิล รวมทั้งสีและทินเนอร์ที่เหลือจากการใช้งาน ส่วนค่าเสียหายมีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี กระบะเลี้ยวตัดหน้า จยย.พุ่งชน ร่างหนุ่มชาวลาวลอยก่อนตกกระแทกพื้นดับ
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- ระทึก เพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นวอดทั้งหลัง น้องแมว 7 ชีวิต รอดตายหวุดหวิด โดย 3 ตัวโดนไฟลวกบาดเจ็บ
- หญิงไทยเสียชีวิตปริศนา แฟนต่างชาตินอนอยู่กับศพ 3 วัน ตำรวจเร่งสอบหาสาเหตุ
จากการสอบถามนายละไม แย้มยิ้ม อายุ 62 ปี ช่างก่อสร้างของวัดเล่าว่า หลังตนกินข้าวเที่ยง ขณะกำลังเดินมากินน้ำที่ถังน้ำภายในวัด ก็เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาทางหน้าต่างของชั้นใต้ดิน จึงได้รีบไปตะโกนบอกพระเณรที่ฉันท์เพลเสร็จ และพากันกลับขึ้นไปอยู่ในอาคารต้นเพลิงที่ใช้เป็นที่พักของพระและเณรรวมกันกว่า 20 รูป ให้รีบออกมาจากตัวอาคาร เพราะเชื่อว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในชั้นใต้ดิน หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ช่วยกันมาดับไฟ ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ตนไม่ทราบ
ขณะที่นายชัชวาล กลิ่นกุหลาบ อายุ 53 ปี กรรมการหมู่บ้านเปิดเผยว่า สำหรับวัดแห่งนี้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรไหม้กุฏิไม้และที่เป็นปูนที่ก่อสร้างมานาน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับกุฏิสมเด็จพระพุฒาจารย์ที่เกิดเหตุวันนี้ มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นไฟไหม้ใหญ่ก่อว่าได้ รวมทั้งมีการร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ว่า ตลอดทั้งปีวัดแห่งนี้ เกิดไฟไหม้เล็กไฟไหม้น้อยอีก 5 ครั้ง แต่บางคนก็ให้ความเห็นว่าอาจเกิดจากการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งทิ้งก้นบุหรี่จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นก็ได้เช่นกัน ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่ปี 2563 – 2564
ด้าน พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งมาดูที่เกิดเหตุได้เข้าพูดคุยสอบถามสาเหตุเบื้องต้นจากพระมหาไพทูล ชุตินธโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเกิดเหตุระบุว่า ปกติชั้นใต้ดินจะล็อกกุญแจประตูทางเข้าออก จะเปิดก็เมื่อต้องการเข้าไปในสิ่งของออกมาใช้เท่านั้น
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าสันนิษฐานถ้าไม่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ต่อลงไปใช้ในห้องใต้ดิน ก็อาจเกิดจากการหมักหมมจากของใช้เก่าที่ทางวัดเก็บไว้เป็นเวลานานเกิดปะทุติดเป็นเชื้อไฟ ก่อนลุกไหม้ขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดจะได้เข้ามาเก็บหาหลักฐานในจุดต้นเพลิง เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่ชัดเจนอีกครั้ง
วัดบ้านปากน้ำบุ่งสระพัง เป็นวัดเก่าแก่ที่มีพระพุทธรูปคู่เมืองอุบลเป็น หลวงพ่อเงิน อายุ กว่า 700 ปี ซึ่งจากการที่เพลิงไหม้บ่อยครั้งขนาดนี้ทำให้ชาวบ้านวิตกกังวล เกรงจะเกิดอาเพศ ต่างๆนานา ยืนยันชาวบ้านและวัดไม่มีความขัดแย้งใดๆต่อกัน
เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์ ข่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: