พ่อ ป.5 ที่ลูกถูกรุ่นน้อง และรุ่นพี่ รุมทำร้ายจนร่างกายบาดเจ็บไปทั่วตัว ยืนยันเดินหน้าขอคำตอบจากทางโรงเรียนจะจัดแก้ปัญหาอย่างไร หากไม่มีคำตอบให้ก็จะไม่ยอมให้ลูกไปโรงเรียน และร้องเรียนหน่วยงานระดับสูงขึ้นไป รวมทั้งร้องเรียนเอาผิด “ ครูทิพย์” ครูที่พูดจาไม่ดีใส่พ่อแม่ ไล่ให้พ่อย้ายลูกออกจากโรงเรียน และท้าทายให้แจ้งตำรวจและนักข่าว ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
วันที่ 8 มกราคม 2564 จากกรณีนายชัยยุทธิ์ คงสง อายุ 33 ปี พร้อมด้วยนางสาวสุกัญญา มีพอเห็น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 2 (บ้านไชยภักดี) ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นพ่อและแม่ (แม่เลี้ยง) ของ “น้องเพ็ชร” นร.ชั้นป.5 โรงเรียนบ้านไชยภักดี ต.อ่าวตง ครอบครัว ร้องเรียนผู้สื่อข่าวกรณีลูกชายรุ่นน้อง ป.4 และรุ่นพี่ ป.6 นับ 10 คน รุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บตามบริเวณใบหน้า ปาก ร่างกาย ชายโครง แขน ขา และแผ่นหลัง เพราะการถูกชกต่อย และถูกรุมกระทืบ และมีอาการมึนงง โดยที่ทางโรงเรียนไม่ได้ดำเนินการใดๆนักเรียนที่ร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทดังกล่าว เหตุเกิดหลังพักเที่ยง บริเวณหน้าห้องน้ำของโรงเรียน เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา โดยต่อมาวันที่ 5 มกราคม หลังเกิดเหตุพ่อและแม่พยายามเข้าไปในโรงเรียน เพื่อจะสอบถามกับทางโรงเรียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และแนวทางการแก้ปัญหาป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนทะเลาะกัน แต่ถูก “ครูทิพย์” พูดจาไม่ดีใส่พ่อแม่ โดยไล่ให้พ่อย้ายลูกไปจากโรงเรียน และให้ท้าท้ายให้ไปแจ้งตำรวจและนักข่าว ทำให้พ่อ แม่ของเด็กเสียใจ ผิดหวัง และเสียความรู้สึก ไม่พอใจเป็นอย่างมากเป็นอย่างมาก จากนั้นทั้ง 2 คน จึงได้พาลูกเข้าแจ้งความที่ สภ.วังวิเศษ และพาไปตรวจร่างกายที่ รพ.วังวิเศษ จนหมอให้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบมารับประทาน จนอาการเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังทางโรงเรียนทราบว่ามีการนำภาพของเด็กที่ถูกทำร้ายไปลงเฟสบุ๊คและร้องเรียนผู้สื่อข่าว ทำให้ทางโรงเรียนเกิดความไม่พอใจ และข่มขู่จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับผู้เผยแพร่ภาพทำให้โรงเรียนเสียหาย และจากนั้นได้พยายามเรียกผู้ปกครองไปพูดคุยเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยที่โรงเรียน และทางโรงเรียนปฏิเสธจะชี้แจงกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางแก้ปัญหา และไม่อนุญาตให้ทำข่าว ขณะที่นักการภารโรงแสดงอาการคุกคามสื่อ ออกมายื่นถ่ายภาพสื่อถึงหน้าโรงเรียน
ความคืบหน้าล่าสุด ที่หน่วยกู้ภัยบรรเทาวังวิเศษ อ.วังวิเศษ พบว่าได้มีตัวแทนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2, ตัวแทนโรงเรียน ,ตำรวจ สภ.วังวิเศษ และว่าที่สมาชิกสภาอบจ.ตรัง ในพื้นที่ เดินทางเข้าพบกับพ่อและแม่ของเด็ก เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยอีกรอบ โดยบอกจะให้ครูทิพย์กล่าวคำขอโทษ แต่ไม่มีการระบุว่า จะดำเนินการอย่างไรกับพฤติกรรมของครูคนดังกล่าว ทำให้พ่อและแม่ของเด็กไม่พอใจ ยืนยันทางโรงเรียนและผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับครูคนดังกล่าวก่อน จึงจะยอมเจรจาไกล่เกลี่ยด้วย
นายชัยยุทธิ์ คงสง พ่อของน้องเพ็ชร กล่าวกับ ผู้นำชุมชน ตัวแทนเขตการศึกษา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทางโรงเรียนส่งมาขอไกล่เกลี่ย ว่าตนเองไม่ยินยอม ในประเด็น ที่ครูทิพย์ (ชื่อเล่น มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน ) พูดจาไม่ดีใส่มาแล้วหลายครั้ง และหนักสุดเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ตนและภรรยา ต้องการเข้าไปพบผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อจะสอบถามถึงแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหาเด็กทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน โดยยืนยัน พวกตนเป็นผู้ปกครอง มีอาชีพกรีดยางไปขอพูดดีๆ หวังจะหาทางออก แต่ถูกครูทิพย์พูดจาไม่มีมาแล้วหลายครั้ง และหนักสุดในครั้งนี้ หลังเห็นตนกับภรรยาไปขอพบผอ.โรงเรียน แต่ได้พูดคุยกับครูคนอื่น ซึ่งตนก็เข้าใจ จึงคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้รอคุยกับผอ. แต่ขณะเดียวกันครูทิพย์ออกมาจากห้องพักครูแล้วพูดใส่ทันทีว่า “ ลูกคุณถูกตลอด ลูกคุณไม่เคยผิด ลูกคุณอยู่โรงเรียนนี้ไม่ได้ ก็ย้ายออกไปเลยแล้วให้พาตำรวจ และนักข่าวมาด้วย” นี่คือ สิ่งที่ครูทิพย์พูด และเป็นเหตุผลที่ตนและภรรยายอมไม่ได้ อยากจะถามว่า ทำไม ตนเองเป็นผู้ปกครอง เป็นคนตัดยางจ้าง ทำงานปกติ แล้วตนเองไปขอคำปรึกษากับครูดีๆ คุยดีๆ แต่ถูกพูดจาเยาะเย้ยใส่ ถูกหัวเราะเยาะใส่ ถ้าเป็นคนอื่นๆ จะรู้สึกอย่างไร นี่หรือ ครู ซึ่งเป็นแม่แบบของประชาชน เป็นแม่แบบ แม่พิมพ์ของชาติ ทั้งนี้ ตนเองยังพูดใส่ไปด้วยว่า ครูเป็นแม่คนที่สองของลูกผม เมื่อมาอยู่โรงเรียน ลูกของตนไม่ได้ถูกตลอด และไม่ได้ผิดตลอด แต่ครูทิพย์มาใส่มารยาทกับตนแบบนั้น ตนรับไม่ได้จริงๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตนรับคำขอโทษจากครูทิพย์ในห้องประชุมไม่ได้” ตนเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความคิด ความอ่าน จึงยอมไม่ได้แล้ว พร้อมกล่าวขอโทษคนมาขอเจรจาไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ หนทางที่พร้อมจะเจรจานั้นมีทางเดียว คือ ทางโรงเรียน หรือผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการอย่างใด อย่างหนึ่งกับครูทิพย์ ไม่ใช่ปล่อยให้มีนิสัยแบบนี้ผู้ปกครอง
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง แม่ค้าร้านดังถูกหลอก อ้างเป็นเลขานายกฯสั่งข้าวกล่องช่วยน้ำท่วมสูญเงิน 3 พัน
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- ตรัง "เมนูลูกปลาปิ้งเครื่อง" จับปลาสดๆจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย
นายชัยยุทธิ์ กล่าวว่า การเจรจากันที่โรงเรียน เขาจะให้ครูทิพย์มาขอโทษตนในห้องประชุม แต่ตนขอปฏิเสธไม่รับคำขอโทษ เพราะครูคนดังกล่าวแสดงนิสัยที่เหลือเกินจริงๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากถ้าไม่ยอมรับคำขอโทษแล้ว เราจะหาข้อสรุปอย่างไร พ่อของน้องเพ็ชร กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในที่นี้ หมายถึงจะต้องดำเนินการเอาผิดครูทิพย์ให้ถึงที่สุด ที่พูดจาไม่ดี ซึ่งอาจหมายถึง ผู้บังคับบัญชาที่อาจจะต้องตั้งกรรมการสอบเอาผิดทางวินัย หรือให้ตำรวจดำเนินการ เนื่องจากได้ไปแจ้งความไว้กับตำรวจกรณีลูกชายถูกทำร้ายร่างกายและครูพูดจาไม่ดีไว้แล้ว โดยยืนยันหากทางโรงเรียนไม่ดำเนินการ ตนเองจะเดินหน้าร้องเรียนถึงที่สุด เพื่อเอาผิดในการกระทำ เช่น จะร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม หรือหน่วยงานระดับสูงขึ้นไปถึงพฤติกรรมของครูคนดังกล่าว ส่วนปัญหาของเด็กทะเลาะวิวาทกัน ทางโรงเรียนรับปากว่าจะรับไปดำเนินการให้ ซึ่งเรื่องนี้ตนยอมรับได้และพร้อมจะพูดคุย แต่ทางโรงเรียนก็ยังไม่ได้พูดถึงว่าหากลูกชายไปโรงเรียนแล้วจะได้รับการปฏิบัติแบบไหน ดูแลกันอย่างไร ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ทางโรงเรียนยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งตนก็จะรอคำตอบที่ชัดเจนเรื่องนี้ต่อไป รวมทั้งกรณีที่ครูพูดจาไม่ดีกับตน และท้าทายตน ทั้งๆที่ตนเองเป็นชาวบ้านธรรมดา ตนเองไม่ยอม ว่าจะดำเนินการอย่างไรด้วย ส่วนความรับผิดชอบในเรื่องของลูกชาย ทางโรงเรียนยังไม่ได้พูดอะไร และตนก็จะยังไม่ให้ลูกไปโรงเรียน จะต้องรอให้เรื่องจบก่อน จึงจะให้ไปโรงเรียน เพราะกลัวว่าหากไปตอนนี้จะมีปัญหาตามมาอีก อาจเกิดการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก จึงต้องชะลอก่อน ต้องให้ทางโรงเรียนออกมาตรการก่อนว่าจะป้องกันเหตุอย่างไร เพราะในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องนี้ หลักๆที่คุยกัน คือ ปัญหาเด็กทะเลาะวิวาทกัน เรื่องเพจที่ลงข่าวไป และเรื่องครูพูดจาไม่สุภาพกับตน หลังจากนี้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ในเรื่องครูทิพย์ ส่วนปัญหาของเด็กขณะนี้ต้องรอ ผอ.โรงเรียน ว่าจะเอาอย่างไร ทั้งนี้ ในส่วนของครูทิพย์นั้น ในระยะ 2-3ปี พูดไม่ดีมาตลอด ครั้งนี้แรงที่สุดรับไม่ได้จริง โดยเฉพาะที่พูดว่าหากลูกคุณอยู่โรงเรียนนี้ไม่ได้ ก็เชิญย้ายออกไปเลย แล้วไปเชิญตำรวจ เชิญนักข่าวมาทำข่าวได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นการพูดท้าทาย ตนเองยืนยันว่า ลูกตนไม่ได้ถูกตลอด แต่ตนไปเพื่อขอหารือว่าจะดูแลแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างไร หรือทางโรงเรียนจะมีมาตรการป้องกันเด็กไม่ให้ทะเลาะวิวาทชกต่อยกันอย่างไร เท่านั้น แต่ครูกลับมาพูดอย่างนั้น ขณะเดียวกันถ้าลูกตนไปทำร้ายลูกครู ครูเองจะยอมหรือไม่ จึงยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และล่าสุด ยังส่งคนมาเจรจาขอตน ขอให้รับคำขอโทษจากครูทิพย์ ตนเองยืนยันไม่ขอรับคำขอโทษ หากไม่ดำเนินการใดๆกับครูทิพย์ ถ้าเป็นครั้งแรกหรือครั้งเดียวไม่เป็นไร แต่นี่เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทางโรงเรียนและผู้บังคับบัญชาจะต้องลงโทษครูทิพย์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ตนจะร้องกับศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานระดับสูงต่อไป เพื่อขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการเอาผิดตามความเหมาะสม ส่วนกรณีของลูกทางโรงเรียนก็จะต้องมีมาตรการออกมาให้ตนมั่นใจก่อน จึงจะยอมให้ลูกไปโรงเรียน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: