สระแก้ว – เกิดเหตุระทึกขวัญ ไฟไหม้รถบรรทุกขนใบอ้อยวอดทั้งคัน ขณะขนย้ายนำส่งโรงงานน้ำตาล ในพื้นที่กลางถนนเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เมื่อเวลา 16.24 น.วันที่ 13 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานวา ร.ต.ท.นพรัตน์ มั่นดี รอง สว.(สอบสวน) ร้อยเวร สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่า วันนี้ (13 ม.ค.64) เวลาประมาณ 14.30 น.ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.อรัญประเทศ ว่ามีเหตุไฟไหม้รถ เหตุเกิดที่ถนนธนะวิถี บริเวณหน้าร้านกระเบื้องไดนาสตี้ ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงรายงานให้กับ พ.ต.อ.อาวัฒน์ พิบูลย์สวัสดิ์ ผกก.สภ.อรัญประเทศ รับทราบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถดับเพลิงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกลูกพ่วง หมายเลขทะเบียน 85-7820 สุพรรณบุรี ไฟกำลังไหม้ใบอ้อยแห้งม้วน ที่บรรทุกมาเต็มคันรถอยู่บนรถเกิดเพลิงไหม้ลุกท่วม มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเพื่อดับไฟและปิดการจราจรบางส่วน
ต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งจากการสอบสวน นายพนม งามเสงี่ยม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.9 ต.หนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี คนขับรถบรรทุกดังกล่าว ให้การว่า ได้ขับรถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 85-7819 สุพรรณบุรี (ตัวแม่) และหมายเลขทะเบียน 85-7820 สุพรรณบุรี (ตัวลูก) บรรทุกใบอ้อยแห้งม้วน มาจากบ้านเหล่าอ้อย เพื่อไปส่งที่โรงงานอ้อยและน้ำตาลตะวันออก ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มาถึงที่เกิดเหตุมีรถยนต์กระบะแล่นตามหลังมาแล้วบีบแตร บอกว่า รถไฟไหม้ นายพนมฯ จึงหยุดรถแล้วตรวจสอบดู พบว่า ที่ตัวลูกพ่วงมีไฟลุกไหม้ จึงแยกรถตัวแม่กับตัวลูกออกจากกันแล้ว ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามีฉีดน้ำและนำรถแบคโฮมาช่วยดับเพลิงจนสามารถดับไฟเอาไว้ได้ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่สร้างความแตกตื่นและระทึกขวัญให้กับชาวบ้านในพื้นที่และผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาอย่างมาก ในเบื้องต้นนี้ นายพนมยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน ได้จัดทำบันทึกตรวจที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ วาดแผนที่สถานที่เกิดเหตุเอาไว้แล้ว และเชิญตัวนายพนม ผู้ขับขี่รถมาสอบสวน แจ้งว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ดังกล่าวไม่ติดใจสงสัยผู้ใด เนื่องจากไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งใด ๆ กับผู้ใดมาก่อน และประสงค์ขอนำรถกลับไปทำการซ่อมแซมเอง เพื่อนำกลับมาใช้รับจ้างทำมาหากินต่อไป เจ้าหน้าที่จึงได้มอบรถให้กับนายพนมรับไป และจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป
—————————–
ข่าวโดย/อารียา สำราญ ทีมข่าวสระแก้ว
