เพชรบูรณ์-ทม.เพชรบูรณ์ เล็งจัดซื้อ”วัคซีนป้องกันโควิด” ฉีดให้ประชากร 20,800 คน
วันที่ 14 มกราคม นายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันทางรัฐบาลอยู่ระหว่างเร่งนำเข้าวัคซีนมาให้บริการประชาชนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันทาง รมว.สาธารณสุขไม่คัดค้านหากทางท้องถิ่นต้องการแบ่งเบาภาระรัฐบาล และต้องการดูแลประชาชนในพื้นที่ตนเอง ล่าสุดทางคณะผู้บริหารเทศบาลพร้อมสมาชิกสภาเทศบาลฯ ต่างมีความเห็นสอดคล้องกัน พร้อมจะจัดหางบฯเพื่อจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาฉีดให้กับพี่น้องประชาชนภายในเขตเทศบาล ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประชากรราว 20,800 คนได้ฉีดก่อน ในขณะที่สถานะการเงินของเทศบาลฯในปัจจุบันมีเพียงพอที่จะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนชาวเพชรบูรณ์ ฉะนั้นหากต้องรอให้ทางรัฐบาลจัดสรรวัคซีนให้ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เมื่อไหร่และครบทุกคนหรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของทางรัฐบาลอีกด้วย
“ขณะนี้ทางฝ่านบริหารและทางส.ท.ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว และมีแนวคิดสอดคล้องกันว่า ปัจจุบันเงินสะสมเทศบาลฯเราก็มีอยู่ ฉะนั้นหากจัดสรรเงินก้อนนี้ราว 25 ล้านบาท มาเพื่อซือวัคซีนฉีดให้ประชากรของเรา ไม่เพียงช่วยให้การดำรงชีวิตของประชากรของเรากลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วแล้ว ยังช่วยสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีและมีความมั่นคงขึ้น.โดยไม่ต้องมาจิตตกคอยระแวดระวังการติดเชื้อโควิดเหมือนทุกวันนี้อีกด้วย”นายเสกสรรกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- แห่ชมโคมไฟพร้อมรับลมหนาวทางเทศบาลตำบลตลุกดู่เนรมิตรให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว
- ขอนแก่น พร้อมจัด " Khonkaen Countdown 2025 Rise Beyond" ขอนแก่น พุ่งทะยานสู่อนาคต อย่างยิ่งใหญ่ คาดเงินสะพัด 50 ล้านบาท
- ขอเชิญมาร่วมสัมผัส “ลมหนาว ริมฝั่งโขง ชมอุโมงไฟ ยาวที่สุด” ที่นครพนม
- ชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ส่อเดือด! นักการเมืองรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัว ท้าชนแชมป์เก่า
นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์กล่าวอีกว่า ทุกฝ่ายต่างก็เข้าใจดีว่าวิกฤตของเมืองคืออะไร เพชรบูรณ์เป็นเมืองท่องเที่ยว หากคนไม่มาเที่ยวหรือไม่มีการจับจ่ายใช้สอย ก็ทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะงักงันไปหมด ฉะนั้นการทำให้เมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันประชาชนของเรา ก็จะทำให้ทุกคนต่างเกิดความมั่นใจ จนเกิดกำลังซื้อและขายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับมาสะพัดหมุนเวียน ก็จะทำให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้องขึ้น
นายเสกสรรกล่าวว่า เวลานี้เป็นความจำเป็นที่รัฐบาลกับทางท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะใรการช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในด้านงบฯ หากท้องถิ่นไหนพร้อมมีศักยภาพก็จัดสรรงบฯซื้อวัคซีน แต่หากท้องถิ่นไหนไม่พร้อมหรือเงินงบฯจัดซื้อวัคซีนอาจจะไม่เพียงพอ ก็อาจจะแชร์กันคนละครึ่งกับรัฐบาลก็ได้ ซึ่งน่าจะเป็นการกระจายวัคซีนให้กับคนทุกกลุ่มได้โดยเร็วอีกด้วย ปัจจุบันหลายองค์กรท้องถิ่นต่างก็ตื่นตัวและมีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่รัฐบาลต้องมีการเปิดกว้างและแก้ไขระเบียบไม่ให้ไปขัดต่อกฎหมายเท่านั้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: