จากที่กรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ย จากได้มีการรับเงินซ้ำซ้อนจากกรณีบุตร สามี ที่รับราชการแล้วเสียชีวิตพบว่าที่ลพบุรีมี 10 ราย ที่พร้อมจ่ายและรอคำสั่งศาลจำนวน 2 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มียายทวดวัย 99 ปี ที่โดนหมายศาลเรียกเงินคืนเกือบแสนบาท ซึ่งขอยอมติดคุกพร้อมปฎิเสธคืนเงินรัฐ
เวลา 11.00 น. วันที่ 31 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านของคุณยายทวดแสง สุขคุ้ม อายุ 99 ปี ที่ได้รับหมายศาล เรียกรับเงินคืนเป็นจำนวนเงิน 96,321.73 บาทอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึง ความเป็นอยู่ของยายทวด ที่วันนี้ได้มีอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม) ลงมาดูแลอาการของยายทวด หลังจากที่ป้ากมลวรรณ อายุ 64 ปี ลูกสาวได้ติดต่อไป เนื่องจากระยะนี้แม่มีอาการคล้ายซึมเศร้า นั่งเหม่อลอย นอนไม่หลับ ตื่นตี 1 ตี 2 ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ตนเองและลูกๆ หลานๆ มีความกังวลใจอย่างยิ่ง ซึ่งคงเป็นเพราะแม่มีความเครียด เรื่องของเบี้ยคนชรา ที่ทางรัฐเรียกคืน ซึ่งหาทางออกให้ตัวเองและลูกหลานยังไม่ได้
ผู้สื่อข่าวเห็นที่เท้ายายทวดพบมีบาดแผลจากลูกสุนัขข่วน เนื่องจากยกขาไม่ขึ้น ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามยายว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร อร่อยไหม ซึ่งน้ำพริกปลาร้า แกงส้มเป็นอาหารโปรดของยายทวดมาทั้งชีวิต ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากยายทวดจะต้องถูกดำเนินคดีและติดคุกจริงๆ จะทำเช่นไร ซึ่งคุณยายตอบว่า ไม่กลัว ๆ ไม่กลัวอะไรแล้ว อายุ อีกไม่กี่วันก็จะ 100 ปีแล้ว อยู่ไหนก็ได้ ติดคุกก็ขอให้มีข้าวกิน พร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ ใครจะทำอะไรยายก็ทำไปเถอะไม่มีปัญญาจะไปไหนแล้ว เงินที่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนมาคืนเขา ทุกวันนี้ก็ต้องอาศัยชายคาลูกหลานอยู่เพื่อรอวันตาย ลูกหลานเองก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากิน เพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ายายทวดเคยโกรธใครไหม โดยยายตอบไม่ลังเลเลยว่าโกรธ ตอนนี้ก็ยังโกรธ แต่ถ้าเขาทำผิดก็โกรธบ้าง หากว่ามีคนมาช่วยยายทวดไม่ให้ถูกดำเนินคดี และติดคุกยายจะว่าอย่างไร ซึ่งยายตอบว่าเอาๆๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ และสีหน้าแจ่มใสคลายกังวลขึ้นทันที พร้อมทั้งยกมือขึ้นพนมกล่าวคำอวยพรให้กับผู้สื่อข่าว ด้วยใบหน้า และแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
