ชัยภูมิ – โผล่ซ้ำรอยอีกราย สุดยากทำใจโพสต์ระบายทั้งน้ำตา เมียหลวงโชว์หลักฐานจดทะเบียนสมรสกันสามีรายนี้และอยู่กินกันฉันสามีภรรยามานานกว่า 2 ปีแล้ว หลังจับได้เมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ.64 ที่ผ่านมา สามีรายนี้ได้แอบไปแต่งงานกับหญิงรายใหม่ พร้อมมีการจดทะเบียนสมรสกันเกิดซ้อนเกิดขึ้นมาอีก แต่พอจับได้ยังมีการโทรมาข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิต หากยังไม่ยอมเลิกราและลบโพสต์ดังกล่าว เผยทั้งน้ำตาเมียหลวงวอนขอความเป็นธรรมต่อสังคมในครั้งนี้ด้วย!!
( 3 มีนาคม 2564 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า อมรรัตน์ พิงชัยภูมิ ซึ่งได้โพสต์คลิประบุ คลิปเมียหลวงรายหนึ่ง ไลฟ์เฟซบุ๊ก ร่ำไห้โชว์ทะเบียนสมรส ด้วยความเจ็บปวดใจ เล่าว่า จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับสามีรายนี้มา 2 ปีแล้ว แต่ล่าสุดสามีไปแต่งงานกับเมียใหม่ จัดงานใหญ่โต ปล่อยให้เธออยู่บ้านเลี้ยงแม่ที่อายุมากแล้วเพียงลำพัง ไม่เคยกลับมารับผิดชอบต่อครอบครัวเธอเลย ซึ่งยังเป็นสามีภรรยากันมีทะเบียนสมรสกันอย่างถูกกฏหมายอยู่ แถมสามีกับเมียใหม่ยังโทรมาขู่ให้ลบโพสต์ดังกล่าว ซึ่งหากยังไม่ลบจะส่งคนมาทำร้ายหากออกมาโวยวายเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต่อไปอีกด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบเมียหลวงรายนี้ เปิดใจกับทีมข่าวว่า สามีเธอปัจจุบันไปทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ส่วนตนทำงานรับจ้างตามหมู่บ้าน อยู่ที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อคอยอยู่ดูแลแม่ที่ จ.ชัยภูมิ และทางสามีรายนี้หลังแต่งงานจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และหลังๆ มานี่ก็ได้ขาดการติดต่อกันช่วงโควิด-19 ระบาดมานานกว่า 2-3 เดือน
จนต่อมาเธอระแคะระคายว่า สามีเงียบหายไปไม่ยอมติดต่อมาหาเธอทางบ้านที่ จ.ชัยภูมิ เลย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า จนเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา จึงพบว่าสามีเธอแอบไปจัดงานแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แถมยังมีการไปขอจดทะเบียนสมรสกันซ้อนขึ้นอีกใบด้วย
ตนจึงนำภาพหลักฐานในงานแต่งดังกล่าวมาโพสต์ถามว่า แต่งงานแบบนี้เลยหรือ ฉันมีทะเบียนสมรสก่อนแล้วค่ะ ไปมีผู้หญิงอื่น ตนไม่เคยไปอาละวาด ปล่อยให้ทั้ง 2 คน อยู่กันอย่างสุขสบาย แต่ต่อมาสามีและแฟนสาวคนใหม่ ได้โทรศัพท์มาหาเธอและต่อว่า ต่างๆ นานา และขู่ว่าให้ลบโพสต์ดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊กของตน หากไม่ลบจะส่งคนมาฆ่าตน และด้านแฟนใหม่ของสามีเธอยังบอกว่าถ้ายังไม่เลิกราอีกจะให้คนมาอุ้มไปนั่งยางฆ่าทิ้งอีก ด้วยความหวาดกลัวตนจึงออกมาไลน์สดให้ทีมเมียหลวงช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งครั้งนี้ตนอยากให้สามีกลับมาพูดคุยกันดีๆ ไม่ใช่โทรศัพท์มาบอกเลิก แล้วปิดเครื่องหนีหาย และบล็อกช่องทางการติดต่อทุกช่องทางแบบนี้ ส่วนเรื่องค่าดูแลจะว่าอย่างไรก็มาคุยกันดีๆ จะดีกว่า ไม่ใช่มาทำแบบนี้ส่วนทางด้านนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 80 ปี ผู้เป็นแม่ของนางอมรรัตน์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่าทั้งน้ำตาว่า ตนไม่อยากได้ลูกเขยคนนี้กลับคืนมาอีกแล้ว และไม่อยากให้มาที่บ้านนี้อีก คุณยายรู้สึกเสียใจ ไม่อยากให้กลับมา จะเอามาทำไมในเมื่อกล้าทำกันได้ขนาดนี้แล้ว
ส่วนเพื่อนบ้านเล่าว่าช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่มีการจัดงานแต่งงานของคู่นี้ก็อยู่กินกันอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ กันมานานกว่า 2 ปี แล้วนั้น ทั้งคู่ก็ได้อยู่กินกันมาพักใหญ่ ก่อนที่ทางฝ่ายชายจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด โดยที่ น.ส.อมรรัตน์ (เมียหลวง) จะอยู่บ้านเลี้ยงดูผู้เป็นแม่ แต่ก็ได้ไม่นานสามีรายนี้ ก็ได้แต่งงานใหม่โดยไม่สนทะเบียนสมรสเดิม ยังมีการไปแต่งงานจัดทะเบียนสมรสซ้อนขึ้นครั้งนี้อีก ก็ยากที่จะให้ความคิดเห็น แต่ก็ไม่ควรทำกับฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยาหลวงรายแรกและมีการจดทะเบียนสมรสคาอยู่ ซึ่งยังไม่ได้มีการหย่ากันฝ่ายชายก็ไม่น่าจะทำแบบนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: