ฉะเชิงเทรา – อึ้งนักเรียนหญิงวิวาท กระทบรุนแรงมากกว่าชาย ข้อมูลจากเวทีสางปัญหาศึกต่างสถาบัน ระบุต้นตอสำคัญมาจากความหึงหวงและการด่าทอท้าทายกันผ่านทางโลกโซเชียล ขณะที่ประชุมถกปัญหาอาชีวะภาพรวมได้ข้อสรุปสร้างเครือข่ายความร่วมมือกันทำงานไม่แบ่งแยกสถาบัน ด้านวิทยาลัยต้นเหตุแจงยิบอ้างมีมาตรการเข้มข้นมาตลอด แต่วันเกิดเหตุเกิดช่องว่างเหลื่อมเวลาเพียงบางจุด ระบุชนวนเหตุเกิดจากรักสถาบันในทางที่ผิดทำหมดสิ้นอนาคต
วันที่ 12 มี.ค.64 เวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายข้อมูลจากเวทีการประชุมในการหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาสายอาชีวะ ซึ่งจัดขึ้นโดยวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา นำโดยว่าที่ พ.ต.วัชรพล ลักษณลม้าย ผอ.วิทยาลัยฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอาชีวะศึกษา จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา โดย พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา นายมหัตม์ มงคล ป้องกันจังหวัดฉะเชิงเทรา
ซึ่งได้มีการเชิญผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวะศึกษาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้ง 13 แห่งประกอบด้วยสถานศึกษาสังกัดคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา จำนวน 7 แห่ง และสถานศึกษาภาคเอกชน 6 แห่ง หัวหน้าสถานีตำรวจท้องที่ที่มีสถาบันอาชีวะศึกษาตั้งอยู่ทุกท้องที่ รวมถึงฝ่ายสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมานำเสนอข้อมูลปัญหา และเสนอแนะแนวทางในการแก้ไข
ภายในห้องประชุมพุทธโสธร 2 วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา ระหว่างเวลา 14.00 น.-16.30 น. วันนี้ว่าในระหว่างการนำเสนอข้อมูลปัญหาและแนวทางการแก้ไขโดยผู้บริหารหรือผู้แทนหน่วยงานมานำเสนอต่อที่ประชุมนั้น นายนิวัตร สมคำ หัวหน้างานปกครองวิทยาลัยอาชีวะศึกษาฉะเชิงเทรา ได้ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่า การทะเลาะวิวาทของนักศึกษาหญิงนั้นมีความรุนแรงมากกว่านักศึกษาชาย
เนื่องจากไม่จบลงได้โดยง่าย นอกจากจะใช้อารมณ์ในการตัดสินตบตีกันเองอย่างรุนแรงภายในวิทยาลัยแล้ว ยังได้มีการไปนำพาบุคคลอื่นภายนอกทั้งแฟนและผู้ปกครอง เข้ามาเกี่ยวข้องร่วมทะเลาะวิวาทด้วย ซึ่งในบางครั้งนั้นอาจลุกลามไปจนถึงขั้นทำให้แฟนของแต่ละฝ่ายนั้นยกพวกเข้าทำร้ายกัน หรือผู้ปกครองของเด็กก่อเหตุวิวาทกันไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุมาจากเรื่องหึงหวงผู้ชายเป็นลำดับแรก ลำดับต่อมาคือการด่าทอท้าทายกันผ่านทางสื่อโซเชียล
ส่วนการก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับนักเรียนอาชีวะต่างสถาบันนั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาหญิงเกือบทั้งหมดมากถึงกว่า 1,900 คนจาก 2,400 คนและเป็นชายจำนวนเพียงกว่า 400 คนและในจำนวนนักศึกษาชายเหล่านี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งยังมีลักษณะของการเบี่ยงเบนทางเพศ จึงมีนักศึกษาชายจริงๆ เพียงประมาณ 200 คน และส่วนใหญ่มักจะเป็นฝ่ายที่จะวิ่งหลบหนีมากกว่าที่จะไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับนักศึกษาจากต่างสถาบัน
ส่วนการแก้ไขปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาทกัน วิธีแก้ที่เคยปฏิบัติมาและได้ผลมากที่สุดนั้น จะเรียกผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกันเพื่อให้รับทราบถึงปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่สามารถจบลงได้ภายในวิทยาลัย นายนิวัตร กล่าว
ขณะที่ นายกัมพล แจ่มแจ้ง รอง ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา ได้กล่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่มีนักศึกษาไปก่อเหตุปาระเบิดใส่นักศึกษาต่างสถาบัน เมื่อวันที่ 8 มี.ค.64 ว่าที่ผ่านมาได้มีมาตรการในการลงโทษไปตามกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนมาตรการในการป้องกันได้มีการปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัดโดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 07.20 น.-08.20 น. ได้มีการตรวจค้นนักศึกษาทุกคนที่เข้ามายังภายในวิทยาลัย ด้วยการตรวจค้นกระเป๋า ยานพาหนะ และการค้นตัว
เพื่อหาสิ่งเสพติด อาวุธ และสิ่งผิดกฎหมาย และมีการตรวจตามจุดเสี่ยงต่างๆ ภายในตลอดจนการตรวจค้นและลงเวลาสำหรับผู้ที่พยายามหลบเลี่ยงหรือมาสาย ส่วนหลังเลิกเรียนเวลา 15.30-16.30 น. จะมีการรวมเด็กทั้งหมดที่สนามภายใน และทำการอบรมทุกครั้งก่อนที่จะมีการปล่อยเด็กออกไป เพื่อให้เข้าใจในแนวทางว่า เมื่อออกไปยังภายนอกแล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร สำหรับในการส่งเด็กไปยังสถานีรถไฟนั้น ทางวิทยาลัยจะมีรถสองแถวจ้างประจำจำนวน 2 คันนำไปส่ง โดยมีอาจารย์ตามประกบไปด้วย
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 มี.ค.64 นั้น ทางนายไชยา ระกาศรี ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปอบรมยังต่างจังหวัด ส่วนตนได้เดินทางไปอบรมที่ อ.บางคล้า จึงเป็นช่วงที่มีกำลังอาจารย์น้อยลง โดยที่ครูเวรที่เคยติดตามไปกับเด็กต้องมาทำหน้าที่ในการปล่อยเด็กก่อนที่จะตามเด็กไปยังที่สถานีรถไฟ จึงเป็นช่วงเวลาที่เป็นช่องว่างในช่วงคราบเกี่ยวที่ไม่มีอาจารย์ติดตามไป เหตุจึงเกิดขึ้น นายกัมพล กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ธราเทพ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาว่า ทางวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทราได้กำหนดแนวทางมาให้พิจารณาไว้จำนวน 10 แนวทาง และในที่ประชุมได้มีแนวคิดที่จะให้ปรับทัศนคติของนักเรียนให้รักสถาบันอย่างถูกทาง รวมถึงรุ่นพี่ที่มีส่วนสำคัญในการนำพาไปก่อเหตุ และการเยี่ยมบ้านหัวโจก เพื่อปรามให้ไม่กล้าก่อเหตุ ตลอดจนการถอดชุดหรือสวมใส่เสื้อคลุมเพื่อไม่ให้บ่งบอกถึงสถาบัน
ที่สำคัญ คือ การสร้างเครือข่ายโดยใช้การข่าวเพื่อให้ทราบถึงเหตุก่อนล่วงหน้า การออกตรวจตราร่วมกันจากทุกฝ่าย เพื่อให้มีกำลังคนมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาในมิติทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน ส่วนสาเหตุที่เป็นแรงผลักดันให้เด็กก่อเหตุนั้น เด็กอาจจะไปศึกษาวิธีการทำระเบิดมาจึงอยากจะทดลองใช้ และการรักสถาบันในทางที่ผิด
เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กที่ก่อเหตุได้ตั้งใจพากันมาดักรอก่อเหตุจริงๆ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รู้จักกันมาก่อน จึงอยากจะฝากเตือนไปถึงยังเด็กๆ และเยาวชนที่มีพฤติกรรมในทำนองนี้ว่า อนาคตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ การเป็นนักเรียนนักเลงไม่ได้ผลดีอะไร สุดท้ายต้องไปอยู่ในเรือนจำ หรืออาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จึงควรตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาความรู้ไปประกอบอาชีพทำมาหากินจะดีกว่า พ.ต.อ.ธราเทพ กล่าว
ขณะที่ น.ส.นวลแพร คำด้วง ผู้แทน ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุปาระเบิดไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำนวน 6 ราย จากเดิมถูกส่งมาจำนวน 8 ราย แต่มีปัญหาด้านสุขภาพ ศาลจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวไปจำนวน 2 ราย ซึ่งในขณะนี้ยังคงเป็นห่วงว่าหากเด็กได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกไป จะสามารถกลับไปศึกษาต่อได้อีกหรือไม่ และคู่อริจะเข้าไปทำร้ายหรือเอาคืนหรือไม่ น.ส.นวลแพร กล่าว
–เอ็กซเรย์จุดบอด ควานหาปมความเสี่ยง ชนวนเหตุนักเรียนแปดริ้วปาระเบิด
–เหยื่อระเบิด นักเรียนนักเลงยังไม่พ้นวิกฤต แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
–ส่งตัว 11 เยาวชนมือระเบิดฝากขังแล้ว ขณะผู้ปกครองวิ่งวุ่นขอประกันปล่อยตัว
–เหยื่อนักเลงอาชีวะยังวิกฤติ หายใจเองไม่ได้ขณะแพทย์เร่งผ่าตัดสมองยื้อชีวิต
–นักเรียนนักเลงแปดริ้ว กลับมาเดือดอีกครั้ง ล่าสุดปาบึ้มใส่กันเจ็บสาหัส
–นักเรียนนักเลงแปดริ้ว กลับมาเดือดอีกครั้ง ล่าสุดปาบึ้มใส่กันเจ็บสาหัส
