ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายกิตติเดช ศรีสุวรรณ ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ สังกัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย ได้ลาออกจากราชการ มีผลเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ครั้งแรกได้ปฏิบัติราชการประจำโรงพยาบาลท่าลี่ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ 3 ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2538 จนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2545 นั้น ซึ่งสำนักงานคลังเขต 4 จังหวัดอุดรธานี ยังไม่ได้พิจารณาจากเงินบำนาญรายเดือน เนื่องจากขาดหลักฐาน หนังสือรายงานตัวปฏิบัติราชการ ที่โรงพยาบาลท่าลี่ ในวันที่ 3 เมษายน 2538 จึงมีการขอขออุธรณ์การรับเงินบำนาญ แต่ไร้วี่แวว
ล่าสุดที่ สภ เมืองเลย นายกิตติเดช ศรีสุวรรณ พร้อมเพื่อน นางจันนิรา จันทร์สวัสดิ์ ได้นำรายชื่อเพื่อน 8 คนที่เคยไปบรรจุราชการพร้อมกันที่โรงพยาบาลท่าลี่ในปี 2538 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและลงบันทึกประจำวันไว้ว่า เนื่องจากปัจจุบัน ตนได้ลาออกจากราชการจากนี้ก็ได้บำนาญแต่เนื่องจากว่าตนยื่นบำนาญไปที่สำนักงานคลังเขต 4 อุดรธานีแล้วเจ้าหน้าที่ขอเอกสารหลักฐานเพิ่ม เอกสารเพิ่มเติมที่เขาขอเพิ่มเติมมานั่นก็คือหนังสือส่งตัวไปปฏิบัติราชการที่โรงบาลท่าลี่ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2538 ซึ่งผ่านมา 26 ปีมาแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
- ตม.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังป้องกันชายแดน จับกุมชาวจีน 2 ราย หลบหนีเข้าเมือง
- ผู้ว่าตรังสั่งซ่อมด่วนหลังคาท่าเรือปากเมง หวั่นอันตรายนทท. กระทบภาพลักษณ์จว. ลั่นพร้อมออกเงินส่วนตัว 2.3 หมื่นค่าวัสดุ…
- ททท.เตรียมเปิดตัวการแข่งขันวิ่งเทรลไตรบูรพาซีรีย์ 4 สนาม 3 จังหวัดภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว
- ตรัง จี้ซ่อมด่วนก่อนปิดท่าเรือปากเมงทรุด กระเบื้องร่วง-โป๊ะพัง-รังแตนอาละวาด หวั่นนักท่องเที่ยวอันตรายถึงชีวิต
นายกิตติเดช กล่าวว่า ตนนั้นก็ขอร้องไปทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยและทางโรงพยาบาลท่าลี่ช่วยค้นหาเอกสารดังกล่าวปรากฏว่าไม่สามารถหาได้เนื่องจาก 26 ปีผ่านไปเนื่องจากเอกสารทางราชการส่วนมากประมาณ 10 ปีเขาก็จะทำลายทิ้งหรือเอกสารสำคัญก็จะเก็บไว้ประมาณ 15 ปี 26 ปีผ่านไปก็ไม่สามารถจะค้นหาได้ก็เลยมาแจ้งความ ไว้ที่สภ.เมืองเลย ว่าเอกสารหนังสือส่งตัวเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2538 หายไป มันจะมีผลเกี่ยวกับการรับบำนาญที่เงินส่วนหนึ่งที่หายไปเนื่องจากเอกสารที่ปรากฏในแฟ้ม กพ 7 ของราชการจะเหลืออยู่เฉพาะวันที่ 22 พฤษภาคม 2538 ซึ่งมันจะขาดหายไปประมาณเดือนกว่าๆ ถึงสองเดือนเงินเราก็จะหายไปประมาณเกือบ 1,000 บาทต่อเดือน จึงเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรมที่จะได้รับกับตัวเองและเพื่อนๆอีก 8 คนเพราะว่าเพื่อนอีก 8 คนนั้นในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์นี้หรือเพื่อนเกษียณหากเขาต้องใช้หนังสือส่งตัว ตัวนี้ด้วยมันก็จะไม่มีหลักฐานว่าจะหักค่าเงินเดือนเราไปอีก ซึ่งหากคำนวนต่อเดือนเงินจะหายไป 944 บาทหาก 30 ปีก็จะประมาณ 300,000 กว่าบาท ซึ่งก่อนนี้ได้ทำหนังสือ ออกจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยไปยังที่คลังเขต 4 อุดรธานีเขาก็ไม่รับเอกสาร ที่ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2538 ไม่รับพิจารณาและหนังสือที่อดีตสาธารณสุขจังหวัดเลย นพ.วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ในขณะนั้น เซ็นไว้ให้ตั้งแต่ปี 2544 ที่ว่าไปปฏิบัติราชการชายแดนและในวันราชการทวีคูณรับรองไว้ให้เขาก็ไม่รับเอกสารเช่นกัน โดยทางทางคลัง เขต 4 บอกว่าจะต้องเป็นหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ท่านผู้ว่าราชการคนไหนเป็นคนลงนามในเมื่อราชการตรงส่วนนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการนั้นสามารถออกหนังสือแทนได้ลงนามรับรองแทนได้เพราะว่าได้รับอำนาจจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามรับรองได้
โดยในวันนี้เราได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าเป็นหลักฐานว่าทางเราไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลท่าลี่นั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2538 สูญหายเพื่อประกอบการเบิกจ่ายในส่วนของค่าบำนาญ โดยเพื่อนในสมัยนั้นทั้งหมดมี 8 คนและทั้งหมด 8 คนยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และบางคนก็อยู่ที่ท่าลี่ อยู่และบางคนก็ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลอื่นๆ เช่นโรงพยาบาลเชียงคานไปอยู่เทศบาลเลิกก็ไปอยู่ต่างจังหวัดบ้าง แต่ทั้งหมดทุกคนใน 8 คนยังมีชีวิตอยู่สามารถยืนยันตัวตนว่าทั้งไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลท่าลี่วันที่ 3 เมษายน 2538 จริงเป็นความจริงยืนยัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: