หัวอกแม่ ร่ำไห้ร้องสื่อช่วยติดตามตัวลูกสาว หลังหายออกจากบ้าน ขาดการติดต่อ นาน 3 เดือน หวั่นเกิดเหตุร้าย เชื่อถูกผู้ชายคนหนึ่งชาว จ.สงขลา ซึ่งเป็นคู่หมั้นที่รู้จักกันเพียง 2 ครั้ง ชักชวนให้หนีตามไป โดยมีหลักฐานการพูดคุยผ่านทางแชทในเฟซบุ๊ก แต่เมื่อโทรสอบถามจากฝ่ายผู้ชายและแม่ รวมทั้งพ่อเลี้ยง ซึ่งอยู่บ้านใกล้กันกลับปฏิเสธว่า ไม่ได้พาลูกสาวไป แจ้งความตำรวจเรื่องก็เงียบ ไม่มีความคืบหน้าใดๆ และร้องผ่านมูลนิธิกระจกได้รับคำตอบมาว่า แม่ของผู้ชายให้ข้อมูลกับมูลนิธิกระจกเงาว่า ลูกชายได้ขอแหวนหมั้นคืนจากลูกสาวแล้ว และลูกสาวตามเพื่อนอีก 3 คน ไปที่ประเทศมาเลเซีย ด้านแม่ร้องไห้ตลอดเวลา เป็นห่วงความปลอดภัยของลูก กลัวถูกล่อลวงไปขายมาเลเซีย หรือถูกทำร้าย ตามที่มีข่าวเกิดขึ้นรายวัน
วันที่ 15 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อ ร้องเรียน จากนางระเบียบ ช่วยบำรุง อายุ 61 ปี ชาวบ้าน ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังลูกสาว คือ นางสาวสุภัสสร ช่วยบำรุง หรือ น้องกล้วย อายุ 21 ปี หายออกจากบ้าน เลขที่ 175 ม.8 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อช่วงเที่ยงเศษของวันที่ 14 ธันวาคม 2563 และนางระเบียบฯ ได้แจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ห้วยยอด ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 63 แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
โดยนางระเบียบ ช่วยบำรุง (แม่) กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเชื่อว่าลูกสาวหายออกจากบ้านไปพร้อมกับนายดลรอหีม (ดน-รอ-หีม) นันโอ๊ะ ซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนบ้าน และทราบว่านายดลรอหีมฯ ทำงานอยู่ในฟาร์มเลี้ยงวัวแห่งหนึ่ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวของตน คือนางสาวสุภัสสร ช่วยบำรุง หรือ น้องกล้วย ได้รู้จักกับนายดลรอหีมฯ ผ่านการแนะนำของแม่ และพ่อเลี้ยงของนายดลรอหีม ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน (โดยแม่ของนายดลรอหีม เป็นชาว จ.สงขลา มามีสามีใหม่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ) ต่อมาพ่อเลี้ยงเห็นว่า น้องกล้วยนิสัยดี น่ารัก ไม่เที่ยวเตร่ ไม่มีผู้ชายมาติดพัน จึงบอกว่านิสัยดี อยากจะขอให้ลูกเลี้ยง และได้นัดนายดลรอหีมให้เดินทางจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาหาที่บ้านของพ่อเลี้ยง จากนั้นได้พาฝ่ายชายมาดูตัวน้องกล้วยที่บ้าน มาถึงวันแรกได้เจอพูดคุยกัน ตนก็ถามลูกว่าเป็นไง พอใจหรือไม่ ลูกสาวก็ตอบว่า พอใจ วันรุ่งขึ้นคือ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ผู้ชาย พร้อมด้วยแม่ และพ่อเลี้ยง ก็ได้มาขอหมั้นลูกสาวที่บ้าน หลังได้รู้จักกันเพียง 2 วันเท่านั้น
ซึ่งนางระเบียบ ช่วยบำรุง (แม่) ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้สนับสนุนการหมั้นในครั้งนี้ เพราะมองว่าทั้งสองยังไม่ได้เรียนรู้นิสัยของกันและกัน อีกทั้ง นางสาว สุภัสสรฯ เป็นลูกสาวที่มีนิสัยเรียบร้อย ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เคยผู้ชาย ไม่ค่อยออกนอกบ้าน ไม่มีสังคม ไม่เท่าทันคนอื่น จึงกลัวลูกถูกหลอก เนื่องจากนายนายดลรอหีมฯ มีพูดจาดี ปากหวาน และอยู่ห่างไกลกัน ตนจึงอยากให้ลูกสาวได้ศึกษาดูใจกันให้นานกว่านี้ แต่หากต้องแต่งงานจริงๆขอให้มาอยู่กับแม่ เพราะแม่มีลูกสาวคนเดียว และเป็นคนสุดท้องที่ตัวติดกับไม่ ไม่เคยห่างแม่ ไปไหนมาไหนไกลไม่ถูก แต่ทั้งนี้ หลังจากหมั้นหมายกันทั้งคู่ได้มีการแลกเปลี่ยนโทรศัพท์กัน และติดกันทางเฟสบุ๊ก แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 น้องกล้วย ได้หายออกจากบ้าน โดยน้องกล้วยปั่นจักรยานไปจอดไว้ที่หน้าโรงเรียนบ้านไสมะม่วง ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ในช่วงเที่ยง ซึ่งหลังจากนั้นแม่ ไม่สามารถติดต่อกับน้องกล้วยได้อีกเลย และตนได้สอบถามไปที่แม่และพ่อเลี้ยงของนายดลรอหีมฯ ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธว่าน้องกล้วยไม่ได้หายไปกับลูกชาย นางระเบียบจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ…โดยได้นำข้อความในกล่องข้อความ เฟซบุ๊ก ที่ระบุว่า นางสาว สุภัสสร ช่วยบำรุง และ นายดลรอหีม (ดน-รอ-หีม) นันโอ๊ะ ได้พูดคุยนัดแนะกัน ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ห้วยยอด โดยไปวันแรกคือ วันที่ 14 ธันวาคม หลังรู้ว่าลูกสาวหายไป แต่ตำรวจยังไม่รับแจ้ง บอกว่ายังไม่ครบ 24 ชม. วันรุ่งขึ้น 15 ธันวาคม จึงเดินทางไปแจ้งความอีกครั้ง เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามตัวลูกสาวกลับมา แต่ไม่คืบหน้า ทุกครั้งที่ตนขึ้นไปติดตามความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ลูกสาวโตบรรลุนิติภาวะแล้ว และหนีตามผู้ชายไปเอง และบอกเพียงว่าหากโทรศัพท์ติดต่อกับทั้งคู่ได้ จะแจ้งมายังแม่ให้รับทราบ จนเวลาล่วงเลยนับ 3 เดือน สำหรับข้อความที่แชทกันในกล่องข้อความเฟสบุ๊คนั้น เนื่องจากน้องกล้วยสมัครเฟซบุ๊กไม่เป็น จึงให้น้องข้างบ้าน ซึ่งทำเป็นสมัครให้ ทำให้สามารถเข้าไปตรวจสอบในเฟส และกล่องข้อความทำให้ได้ข้อความดังกล่าวมา
ทั้งนี้ นางระเบียบยังเคยร้องเรียนไปยังมูลนิธิกระจกเงา เพื่อติดตามตัวลูกสาว ต่อมาเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิกระจกเงา ได้ติดต่อโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องดังกล่าวกับแม่ของนายดลรอหีม โดยแม่ของนายดลรอหีม บอกกับจนท.มูลนิธิกระจกเงาว่า นางสาวสุภัสสร ได้คืนแหวนหมั้นให้ ลูกชายแล้ว และขอเงิน จากลูกชายจำนวน 2,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความผิดปกติ ถ้าลูกสาวไม่ไปกับผู้ชายคนนั้น ก็จะขอแหวนคืนไม่ได้แน่นอน รวมทั้งคำตอบที่แม่และพ่อเลี้ยงของนายดลรอหีมให้กับ จนท.มูลนิธิกระจกเงา ขัดแย้งกับคำตอบที่ให้กับแม่ว่า ลูกสาวไม่ได้ไปกับนายดลรอหีม และน้องกล้วยไม่เคยออกจากบ้าน ไม่เคยมีสังคม ไม่เคยมีเพื่อนจะไปประเทศมาเลเซียได้อย่างไร อีกทั้งน้องกล้วยหายออกจากบ้านตัวเปล่า ไม่ได้นำข้าวของ เสื้อผ้า รวมทั้งบัตรปชช.ติดตัวไปด้วย มีเพียงโทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่นำติดตัวไป แม่พยายามโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์ของลูกสาวก็ไม่มีเสียงตอบรับ มีแต่ข้อความส่งกลับมาว่าติดต่อไม่ได้ และให้ญาติโทรเข้าเบอร์นายดลรอหีมในช่วงแรก ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้พาไป ทำให้เป็นห่วงอย่างมากว่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกสาว หวั่นกลัวถูกฆ่า หรือถูกหลอกไปขายมาเลเซีย จากการสอบถามเพื่อนบ้านที่เห็นในวันนั้น ทราบว่านายดลรอหีมมาด้วยรถเก๋งสีดำ ส่วนจักรยานของลูกสาวไปจอดไว้ไม่เป็นระเบียบล้มอยู่ริมทาง เชื่อว่า เมื่อฝ่ายชายเห็นลูกสาวก็คงดึงมือลากลูกสาวขึ้นรถทันที เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น หรือแม่ตามมา
อย่างไรก็ตาม นางระเบียบ ผู้เป็นแม่กล่าวทั้งน้ำตาอีกว่า ตนอยู่ด้วยกัน 3 คนแม่ลูก โดยลูกชายคนโตก็พิการทางสมอง น้องกล้วยจึงเป็นกำลังหลักที่คอยช่วยงาน และ ช่วยดูแลพี่ชายพิการ หากนางสาวสุภัสสรฯ หนีไปอยู่กับนายดลรอหีม ก็ขอให้ติดต่อกลับมาหาแม่ แม่ไม่ได้ต้องการอะไรเลย และจะไม่ถือโทษโกรธใด ๆ ไห้อภัยทุกอย่าง รวมทั้งฝ่ายผู้ชายด้วย แม่เพียงแต่อยากรู้ว่า ลูกสาวของแม่อยู่รอดปลอดภัยดี ขอให้ส่งข่าวให้แม่รับรู้เท่านั้น แม่จะได้ไม่เป็นต้องห่วง กินไม่ได้นอนไม่หลับ นอนร้องไห้ทุกคืน เพราะห่วง โดยสิ่งที่กลัวและเป็นห่วงที่สุด คือ กลัวลูกสาวจะถูกล่อลวง บีบบังคับ ให้ไปอยู่ในที่เลวร้าย หรือ กลัวลูกถูกทำร้ายเหมือนข่าวรายวันที่ปรากฎในหน้าทีวี
ด้าน นายพัสกร หนูคง และ น.ส.ลัดดาวัลย์ จันสักรา ญาติของนางระเบียบ กล่าวว่า ตนทั้งคู่เดินทางมาจาก จ.กระบี่ เพื่อช่วยนางระเบียบตามหาลูกสาว ก่อนนี้ตนเคยโทรติดต่อไปยังนายดลรอหีม แต่ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด รวมทั้งแม่และพ่อเลี้ยงด้วย แต่หลักฐานมีชัดระบุ ในข้อความทางกล่องแชทเฟสบุ๊ควันที่นัดหมายมารับตัวน้องกล้วยไป โดยมีข้อความว่าที่นายดลรอหีม ได้ถามทางกล่องข้อความในเวลาประมาณ 12.30 น.ของวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่า นายดลรอหีม ถามว่า …มาม่าย… น้องกล้วยตอบว่า …เดี๋ยวไป รอๆๆๆแปบ อย่ารีบ แล้วถามว่า ไหนอ่ะ (ซึ่งคาดว่าน้องกล้วยไปถึงจุดนัดหมาย แต่ไม่เห็นรถนายดลรอหีม) นายดลรอหีม จึงตอบกลับมาว่า แปปๆๆ จากนั้น น้องกล้วยก็ตอบว่า เร็วๆ น้องออกมาแม่ไม่ใช่เห็นที่ ….. จากนั้นน้องกล้วยก็หายตัวไปนับจากวันนั้น ในเฟสก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ปกติน้องกล้วยจะโพสต์บ่อย แต่หลังจากนั้นหายไปเลย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: