ฉะเชิงเทรา – ปากอ่าวแปดริ้วซบเซา หลังไร้เงาโลมาเข้ามาเฉียดใกล้เป็นเวลานานถึงเกือบ 10 ปีเต็ม จากในอดีตนับจากปี 2542 หรือกว่า 20 ปีก่อนหน้านั้น บริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงคึกคักเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยว ที่พากันมาจนล้นแน่นพื้นที่พร้อมด้วยเรือประมงที่พลิกผันอาชีพหันมาให้บริการนำเที่ยว พาชมโลมากันเป็นจำนวนมากถึงกว่า 50 ลำ แต่ถึงในวันนี้แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวย่างกายเข้ามาอีกเลย
วันที่ 21 มี.ค.64 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายปรีชา สุวรรณ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.1 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านผู้ประอาชีพเรือนำเที่ยวชมโลมา และพาเที่ยวชมธรรมชาติบริเวณปากอ่าวบางปะกงว่า ในปัจจุบันนี้ในพื้นที่บริเวณปากอ่าวของแม่น้ำบางปะกง ไม่มีโลมาเข้ามาใกล้พื้นที่ในบริเวณปากอ่าวของแม่น้ำสายนี้อีกแล้ว
โดยตนเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป จากการที่แม่น้ำบางปะกงและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น สถานีสูบน้ำคลองด่าน ถูกใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำออกมาจากทางภาคกลางและภาคเหนือรวมถึงกรุงเทพฯ และสนามบินสุวรรณภูมินั้น มวลน้ำที่ถูกระบายออกมาในบริเวณนี้อาจจะมากจนเกินไปและอาจพัดพามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนขนาดใหญ่ ปนเปื้อนมากับมวลน้ำเหล่านี้ด้วย
จึงทำให้ฝูงโลมา ทั้งโลมาหัวบาตรและโลมาปากขวด ทั้งสีดำและสีชมพู ที่เคยเข้ามาหากินและอาศัยอยู่ในบริเวณปากอ่าวบางปะกง ที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์ได้พากันถอยร่นออกห่างไปไกลจากฝั่งมากขึ้น โดยที่ฝูงโลมาเหล่านี้เดิมเคยมีฝูงละไม่ต่ำกว่า 50 – 100 ตัว ได้พากันออกไปอยู่ห่างไกลเข้าไปในท้องทะเลมาก โดยที่ยังมีผู้พบเห็นกลุ่มของโลมาออกหากินอยู่ในบริเวณพื้นที่ห่างจากฝั่งไปไกลถึงกว่า 10 กม. หรืออยู่ห่างออกไปจากปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงมากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมาได้เริ่มสังเกตเห็น และพบว่าโลมาที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ได้เริ่มถอยห่างหายออกไปไกลในระยะประมาณ 10 กม.เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา จากก่อนหน้าในช่วงระยะ 10 ปีหลังนั้น โลมาได้เริ่มออกห่างไปอยู่ไกลจากปากอ่าวประมาณ 4-5 กม. จากเดิมที่เคยเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้ๆ ในระยะเพียง 1-2 กม. เท่านั้น จึงทำให้การพบเห็นหรือพานักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวชมได้ยากมากขึ้น และต้องใช้ระยะเวลานานมากขึ้นถึงกว่า 3-4 ชม. ต่อ 1 เที่ยว จากเดิมใช้เวลาเพียงประมาณ 1-2 ชม. ต่อเที่ยว
ทั้งยังทำให้ต้นทุนในการออกเรือไปไกลสูงเพิ่มขึ้นด้วย หากนักท่องเที่ยวเดินทางมากันจำนวนน้อยเพียง 2-3 คน ก็อาจจะสู้ราคาในการออกเรือเดินทางออกไปเที่ยวชมไม่ไหว แต่หากมากันเป็นจำนวนมาก 20-30 คน จะสามารถช่วยเฉลี่ยต่อหัวในราคาที่ไม่สูงมากนักต่อคน อีกทั้งการค้นหาฝูงโลมาในท้องทะเลยังต้องใช้เวลานาน หรือค้นหาไม่พบและอาจเห็นตัวได้ยาก
สาเหตุจากพื้นที่ในท้องทะเลนั้นกว้างมาก ประกอบกับมีเรือที่ออกให้บริการพาเที่ยวชมเหลือจำนวนลดน้อยลง แค่เพียง 3-4 ลำในปัจจุบัน จากเดิมนั้นมีมากถึง 40-50 ลำ จึงทำให้มีการพบเห็นได้ง่ายกว่า เพราะเรือแต่ละลำจะช่วยบอกต่อกันว่า พบฝูงโลมาอยู่ในทะเลตรงจุดใด ก็จะเป็นการช่วยกันค้นหาไปในตัวและเห็นตัวได้ง่ายขึ้นด้วย
สำหรับเรือของตนนั้นให้บริการเที่ยวละ 2,000 บาท สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 25-30 คน จากเดิมนั้นเคยคิดค่าบริการเพียง 1,000-1,500 บาทต่อเที่ยว จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดน้อยลงไปอย่างมาก เพราะต้องใช้เวลานานในแต่ละครั้ง และยังเสี่ยงต่อการที่จะไม่ได้พบกับฝูงโลมาด้วย โดยในวันปกติธรรมดานั้นแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย นอกจากคนที่จะมาทำพิธีลอยอังคารเท่านั้น นายปรีชา กล่าว
–“โลมา” ปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงไม่โชว์ตัว หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
–ปากอ่าวแปดริ้วซบเซา หลังไร้เงาโลมาเฉียดเข้าใกล้ นานถึงเกือบ 10 ปีเต็ม
