ผู้ใหญ่บ้าน ผุดไอเดียพลิกพื้นที่นาข้าวมาทำนาผักบุ้งแก้วขายรายได้ดี หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยปลูกผักบุ้งแก้วแค่ 1 งาน เพียง 1 เดือน สามารถตัดขายสร้างรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 300 บาท หรือเดือนละ 10,000 บาท เตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม พร้อมปล่อยปลาเพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ของเกษตรกรในพื้นที่
ผักบุ้งแก้ว: วันนี้ 23 มีนาคม 2564 ที่บ้านของนายอาคม ครชาตรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ผุดไอเดียพลิกพื้นที่นาข้าวมาทำนาผักบุ้งแก้ว หลังเสร็จสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยปลูกแค่ 30 วัน ก็เริ่มตัดผักบุ้งแก้วออกขายได้ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท หรือกำละ 10 บาท ซึ่ง 1 กำมีน้ำหนักเกือบครึ่งกิโลกรัม และราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก
โดยเฉพาะหน้าแล้งพืชผักต่างๆ ขาดน้ำ ทำให้แคระแกรน และมีราคาสูงขึ้น แต่ผักบุ้งแก้วของผู้ใหญ่อาคมกลับงอกงามและอวบอ้วน ไม่ปรับขึ้นราคาแถมยังขายถูกกว่าปกติ เพื่อให้ชาวบ้านได้กินผักราคาถูก และปลอดสารเคมี ทำให้มีเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าที่สั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 300-400 บาทต่อวันหรือเดือนละกว่า 10,000 บาทเลยทีเดียว
ล่าสุด ผู้ใหญ่อาคมเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม หลังมองเห็นแล้วว่าให้ผลผลิตที่ดี เจริญเติบโตเร็ว และไม่ต้องใช้สารเคมีใด ๆ นอกจากน้ำส้มควันไม้ที่ใช้เพื่อไล่แมลง ซึ่งยังคงทำให้ผักบุ้งมีความหวานกรอบ สามารถรับประทานสดได้ ซึ่งในนาผักบุ้งแก้วยังสามารถเลี้ยงปลาสลิด ปลาดุกและปลาช่อนได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยผู้ใหญ่อาคมเตรียมเพาะพันธุ์ผักบุ้งแก้วไว้รอนาข้าวอีกแปลงที่กำลังเก็บเกี่ยว เพื่อปลูกผักบุ้งแก้วเพิ่ม
และเป็นความโชคดีที่แหล่งน้ำที่ขุดไว้ไม่ตื้นเขิน ทำให้สามารถสูบน้ำเข้านาได้ตลอดทั้งปี สำหรับที่มาของผักบุ้งแก้วนั้น เริ่มจากภรรยาของผู้ใหญ่อาคมได้ไปเอาผักบุ้งแก้วมาจากอำเภอนาโยง เหลือทิ้งไว้ข้างบ่อปลา ผู้ใหญ่เห็นว่าแตกรากและต้นใหญ่อวบอ้วนดี นำไปทำอาหารได้สารพัดเมนู
จึงนำไปปลูกไว้ในนาข้าว ที่เพิ่งไถพรวนแค่ 1 งาน เพื่อเป็นการทดลอง พร้อมสูบน้ำลงไปเพิ่ม ปรากฏว่าผักบุ้งแก้วเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนสร้างรายได้ที่ดีและขยายผลบอกต่อไปยังชาวบ้านในชุมชนทั่วทุกหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านสั่งซื้อต้นผักบุ้งแก้วไปเป็นอาหารและเอาไปทำพันธุ์เป็นจำนวนมาก
ด้านนายอาคม ครชาตรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ได้ปรับพื้นที่ทำนามาปลูกผักบุ้งแก้ว เพื่อลองดูว่ามีตลาดรองรับดีขึ้น ปรากฏว่าปลูกได้ 4 เดือน ผลตอบรับดีมาก ขายวันละ 30-40 มัด ๆ ละ 10 บาท หรือกิโลกรัมละ 25 บาท แต่ยังไม่เพียงพอกับการตลาดและได้ขยายปลูกใหม่
ทั้งนี้ยังได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น มีอาหารการกินตลอดและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน ส่วนที่เหลือได้แบ่งให้ชาวบ้านไปรับประทาน โดยหน้าแล้งราคาก็ไม่ปรับขึ้น ในตลาดขายกิโลกรัมละ 30 บาท แต่ตนขายกิโลกรัมละ 25 บาท เพื่อให้ชาวบ้านได้บริโภคของดีราคาถูก ลักษณะพิเศษของผักบุ้งแก้ว คือรสหวาน กรอบ.
