กระบี่-ผอ.โรงเรียนรับเด็กพี่เลี้ยงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กรณีทายาฆ่าเชื้อรา ด.ช.วัย 9 ขวบ ส่วนครูถูกตั้งกรรมการสอบแล้ว
จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนพี่เลี้ยงโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ใช้ยาฆ่าเชื้อรา ราดตัวของ ด.ช.ภูผา ภูมิคง วัย 9 ขวบ นร.ชั้น ป.2 จนมีบาดแผลพุพองตามร่างกาย จนพี่ชายและพี่สาวของเด็กที่ถูกทำร้าย ต้องไปยืมโทรศัพท์ช่างทำประตูโทรหาแม่ให้มารับไปรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม ต่อมาทาง รร.ต้นสังกัด ออกมาชี้แจงว่า ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เบื้องต้นสาเหตุที่เด็กพี่เลี้ยงทำไปเพราะทายาให้เด็กเพื่อรักษาโรคหิด
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ รพ.เขาพนม แพทย์ได้เข้าตรวจอาการของ ด.ช.ภูผา ซึ่งยังคงรักษาตัวอยู่ โดยแพทย์ระบุว่า เด็กโดนยาฆ่าเชื้อรามาในปริมาณมาก จนทำให้ร่างกายมีบาดแผลพุพองประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย ซึ่งได้เกิดแผลมาระยะประมาณ 3 วันแล้ว มาถึงหมอถือว่ามีอาการหนัก จึงทำการรักษาตามขั้นตอนจนขณะนี้แผลเริ่มดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงคือบริเวณอวัยวะเพศ และขาหนีบ ที่ยังมีน้ำเหลืองอยู่ แต่ก็ดีขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่วัน แต่คงอีกสักระยะกว่าแผลจะหายเป็นปกติ
ขณะที่ทาง นายศักดิ์ชัย สุวรรณคช ผอ.โรงเรียน และ คณะครูในโรงเรียน เดินทางไปที่ รพ.เขาพนม เพื่อเยี่ยมอาการป่วย และทำเรื่องย้ายเด็กจากห้องรวมไปยังห้องพิเศษ ซึ่งทางโรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าห้องประมาณวันละ 1,000 บาท และค่ารักษาทั้งหมด
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า รู้สึกกังวลหลังทราบว่าแม่ของเด็กยังยืนยันที่จะแจ้งความกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางโรงเรียนก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากความบกพร่อง ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการที่โรงเรียนตั้งขึ้นมานั้น ผลออกมาแล้วว่า เด็กพี่เลี้ยงมีความผิด เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะทำโทษตามระเบียบคือ การว่ากล่าวตักเตือน และตัดคะแนนความประพฤติ ส่วนครูผู้ดูแลนั้น ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาแล้วเช่นกัน หากพบว่ามีความประมาท หรือผิด ก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนในกับเรื่องที่เกิดขึ้น และก็ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ หลังจากนี้คงต้องหามาตรการที่เข้มข้นมาใช้ในการป้องกันต่อไป
ขณะที่นางจิตตนา มาชอุ่ม แม่ของน้องภูผา ที่ยืนยันว่าจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เขาพนม ในวันเดียวกันนี้ ปรากฎว่าวันนี้ต้องเดินทางด่วนไปยัง กทม.เพื่อให้สัมภาษณ์สดกับรายการโทรทัศน์ ทำให้ยังไม่ได้เดินทางเข้าแจ้งความ โดยตัวของนางจิตตนา ยังคงยืนยันว่าจะขอแจ้งความดำเนินคดีเหมือนเดิมหลังกลับจาก กทม. เพราะส่วนตัวไม่ได้ต้องการเรียกร้องเงินทอง แต่จะขอให้คนทำผิดได้รับโทษ.
