เพชรบูรณ์- “อาจารย์ชา”ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ อ้างถูกป้ายสี ตกเป็นจำเลยสังคมเรื่องรุกป่า ย้ำต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียม จี้จัดการที่ดินผาซ่อนแก้วฯเขาค้อลาดชันกว่ายังออกโฉนดได้ แถมที่ดินภูขี้ไก่ของบริษัทใหญ่ 6,000 ไร่ไม่มีใครแตะ
ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบที่ดินบริเวณภูขี้ไก่ เขตรอยต่อ อ.หล่มเก่า-หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลังดีเอสไอพบออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบพร้อมเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนจำนวน 57 แปลง แต่เนื่องจากขั้นตอนอืดล่าช้า พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. จึงส่งความท้วงติงผ่านแอฟพลิเคชั่นไลน์ พร้อมพาดพิงจะมีการโปรเจ็กต์สร้างสวนน้ำขนาดใหญ่ มีการรุกป่าต้นน้ำจนทำให้เกิดกระแสฮือฮา กระทั่งนายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ“อาจารย์ชา” เจ้าของโครงการชุมชนธะธรรมชาติและโปรเจ็กสวนน้ำแจ้งความที่สภ.หล่มเก่าเพื่อเอาผิด พ.อ.พงษ์เพชรใน 3 ข้อหา
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 พฤศจิกายน นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ“อาจารย์ชา” เจ้าของโครงการชุมชนธะธรรมชาติและโปรเจ็กสวนน้ำ พื้นที่เขารอยต่อ อ.หล่มเก่าและอ.หล่มสัก ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนิติกรประจำศูนย์ฯ โดยกล่าวหา พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. กลั่นแกล้งและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้เนื้อหาการร้องเรียนสรุปว่า อาจารย์ชาซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวโดยมีโฉนดที่ดินเลขที่ 27319 เนื้อที่ 32 ไร่เศษ ก่อนซื้อตรวจสอบจากที่ดินและป่าไม้ อ.หล่มเก่า ได้รับแจ้งว่าไม่มีปัญหา จึงทำการปรับพื้นที่เพื่อทำโครงการปลูกผักปลอดสารพิษเกษตรอินทรีย์ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็ไม่พบความผิด พร้อมยืนยันที่ดินบริเวณนี้เป็นภูบ่องไม่ใช่ภูขี้ไก่ จึงเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งและให้ข้อมูลไม่เป็นความจริงแก่สื่อมวลชน พร้อมยืนยันด้วยว่าไม่ใช่นายทุนบุกรุกป่า
อาจารย์ชายังให้สัมภาษณ์เพิ่มโดยอ้างว่า การที่พ.อ.พงษ์เพชรส่งข้อความทางไลน์และพาดพิงถึงโครงการฯ เรียกร้องให้หน่วยงานจริงใจแก้ไขปัญหาพร้อมให้ช่วยกันต่อสู้ขบวนการฟอกป่าทั้งที่ไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ยังนำข้อมูลและภาพบริเวณภูขี้ไก่ไปออกข่าว แต่พอเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็จมาที่บ้านอาจารย์หรือที่โครงการอย่างเดียวจึงทำให้เสียหาย ก่อนหน้านี้ได้ไปร้องฯที่กระทรวงกลาโหมและกอ.รมน.กลาง รวมทั้งยื่นหนังสือร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้วเช่นกัน
ข่าวน่าสนใจ:
“ตอนนี้ตกเป็นจำเลยสังคมว่าบุกรุกป่าซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรงทั้งที่มีเอกสารครบ ถึงแม้จะยังไม่ได้แจ้งข้อหาอาจารย์แต่ถูกข้อหาทางสังคมไปแล้ว หากอาจารย์บุกรุกป่าจริงทำไมไม่แจ้งเอาผิดเสียทีก็ขอความเป็นธรรมกันตรงนี้ แต่ยอมรับว่าที่ดินในโครงการส่วนหนึ่งก็อยู่ใน 57 แปลงและอยู่ใน 40 กว่าแปลงที่ถูกเสนอให้เพิกถอน แต่ยังไม่มีคำสั่งเพียงอยู่ในการตรวจสอบว่าบริเวณนี้ติดอยู่ในความลาดชันไหม”อาจารย์ชากล่าว
นายอนัตต์ณังธะโคตรกล่าวว่า อาจารย์ซื้อที่ดินตรงนี้ก็ดูหลังโฉนดมีบันทึกเป็นตัวสีแดงไว้ว่า โฉนดใบนี้ออกตามนโยบายของรัฐแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เป็นที่ดินออกตามนโยบายไม่ใช่ตามสีตาสาหรือชาวบ้านไปขอออก ถ้าเกิดความผิดพลาดที่ดินกับป่าไม้ต้องรับผิดชอบเพราะเดินไปตรวจกันเองหากจะเพิกถอนกันจริงก็ควรจะทำให้เสร็จไม่ใช่รอเวลา 10 กว่าปีแล้วและมีการซื้อขายไปกี่ทอด และเจ้าของที่ดินที่ถือโฉนดในเวลานี้ก็ไม่ได้เป็นคนออกโฉนดเองแต่ก็ซื้อต่อจากคนอื่นมาอีกที
“อยากให้ไปดูที่ดินบริเวณผาซ่อนแก้วเขาค้อ มีการโฉนดความลาดชันมากกว่าที่ดินของอาจารย์กี่ร้อยเท่าทำไมไม่ไปจัดการตรงนั้น ยังมีที่ดินของบริษัทใหญ่ๆ 6,000 กว่าไร่เหนือที่ดินอาจารย์ขึ้นไป ทำไมไม่จัดการอันนั้นอยู่ภูขี้ไก่เลย หากจะดำเนินการก็ต้องมีความเท่าเทียม ไม่ใช่มาตรวจสอบแต่ของอาจารย์อยู่แปลงเดียว ตามกฎหมายอาจารย์สามารถฟ้องที่ดิน ดีเอสไอและป่าไม้ได้ ละเว้นปฏิบัติจะมาบอกอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เพราะ 11 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นแนวทางที่อาจารย์จะต่อสู้ต่อไปในอนาคตด้วย”อาจารย์ชา
ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ“อาจารย์ชา” ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า เพื่อให้ดำเนินคดี พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. โดยกล่าวโทษใน 3 ข้อหาได้แก่ ปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่าได้สอบปากคำอาจารย์ชาและพยานแล้ว โดยได้สรุปสำนวนการสอบสวนในเบื้องต้นพร้อมพยานหลักฐานส่งไปให้ทางปปช.ดำเนินการตามระเบียบเรียบร้อยแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: