พระนครศรีอยุธยา-พ่อเมืองกรุงเก่าเปิดศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยโควิด 19 แห่งแรกในหอพักมหาลัย ขณะที่รพ.เริ่มไม่มีที่นอน
วันที่ 16 เมษายน เวลา 14.00 น. ที่หอพักอู่ทอง ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสาวนุชนาถ ประทีบธีรนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทีมแพทย์พยาบาล ร่วมตรวจความพร้อมศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยโควิด 19 (Hospitel) ก่อนรับตัวผู้ป่วยโควิด 19 อย่างเป็นทางการ โดยทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยโควิด 19 (Hospitel) ขึ้นเพื่อรองรับสำหรับคนไข้ที่อาการดีขึ้นแล้วและจะกลับบ้านได้แล้ว มาพักฟื้น รวมถึงเป็นการลดความแออัดของเตียงผู้ป่วยโควิด 19 และเตรียมรับผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่ โดยหอพักมหาวิทยาลัยราชภัฎฯ มีจำนวน 30 ห้อง รองรับได้ 60 เตียง แยกชั้นชายหญิงมีแพทย์ประจำแต่ละชั้น และดูแลความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด โดยในวันนี้ย้ายผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 13 ราย เข้ามายังศูนย์พักฟื้นแห่งนี้ ซึ่งพบว่าโรงพยาบาลต่างๆที่รองรับผู้ป่วยขณะนี้เช่น รพ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น จนเตียงไม่เพียงพอ ต้องระบายออกไปยังรพ.เสนา และรพ.สมเด็จพระสังฆราช และในวันที่ 17 เม.ย.ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการประทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมคณะจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามในสถานศึกษา สังกัด อว.ในจ.นครนายก ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมาตรวจควาพร้อมที่มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเดิมมีกำหนดจะตรวจเยี่ยมที่หอพักอู่ทอง แต่เนื่องจากหอพักอู่ทองมีผู้พักฟื้นเข้าแล้ว และจากนั้นจะไปดูความพร้อมที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์หันตรา
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด 19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 15 ราย มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 131 ราย และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยรายใหม่ จึงได้เปิดศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยโควิด-19 ลดความแออัด และรองรับผู้ป่วยรายใหม่ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในอีก 7 วันถัดไปจะเปิดโรงพยาบาลสนาม ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (หันตรา) จำนวน 100 เตียง และหากสถานการณ์มียอดเพิ่มขึ้นในระดับนี้ ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสามารถรับมือได้อย่างเต็มระบบ โดยฝากถึงประชาชนทั่วไปช่วยกันรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานที่ให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร เพิ่มความเข้มในการใช้มาตราการคัดกรองเต็มที่
