สมุทรสาคร – ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ เผยยังคงมาตรการไม่สวมแมสก์ออกนอกบ้านปรับ 20,000 บาท รอสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อสัปดาห์หน้า หวั่นระบาดแบบยกครัว
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2564 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กลับมาจัดรายการ “ไม่แพ้แน่นอน เราจะผ่านไปด้วยกัน” อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 3 เดือน เนื่องจากต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช ด้วยอาการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งรายการดังกล่าวได้นำเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาครผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ “COVID-19 สมุทรสาคร” ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เวลา 14.00-14.30 น. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ จะจัดรายการในวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ หรือหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ มาจัดรายการสลับหมุนเวียนกันไป
เมื่อหลังจากจบรายการแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สถานการณ์ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเริ่มสูงขึ้นวันละกว่า 2 พันคน และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม โดยนายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า เราเป็นจังหวัดแรกที่ดำเนินมาตรการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งตนยืนยันว่ามาตรการตรงนี้ยังไม่ยกเลิก และจะดำเนินการอย่างเข้มข้นด้วย โดยได้เน้นย้ำไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอำนาจในการจับปรับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรการห้ามดื่มสุราในร้านอาหาร หรือสถานที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กับห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์รื่นเริง ซึ่งหมายรวมถึงห้ามมีการจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมตัวกันเกิน 50 คนด้วย
สำหรับการประเมินสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ก็คงต้องรอดูความชัดเจนในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น หรือลดลงกว่าเดิมที่ผ่าน เพราะเป็นช่วงที่ครบกำหนดระยะการฟักตัวของเชื้อโรคหลังจากที่ผ่านพ้นสงกรานต์มาแล้ว โดยสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังการระบาดในรอบนี้คือ แนวโน้มการระบาดเป็นลักษณะการระบาดแบบยกครัว เพราะด้วยเชื้อโรคชนิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่มีการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ติดง่าย และอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดใน จ.สมุทรสาคร อีกทั้งยังเกิดในกลุ่มก้อนคนไทยด้วย จึงน่าเป็นห่วงว่าหากทุกคนไม่เฝ้าระวังตัวเองแล้ว ก็จะเกิดการระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยเริ่มจากการติดกันเองก่อนของคนในครอบครัว แล้วแผ่เป็นวงกว้างจนยากต่อการควบคุมโรค สำหรับตนเองที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จนกลายเป็นผู้ป่วยวิกฤติหนักมาแล้ว แต่โชคดีที่ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ และได้กลับมาทำงานที่ จ.สมุทรสาครอีกครั้งนั้น ก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน ให้หายจากโรคดังกล่าว กลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
