นครพนม – สาวกอรหันต์ห่มแดง เผยเทวดาไม่ได้เสกทองคำ ศรัทธาในคำสอนไม่สนอดีต ชาวบ้านแย้มเตรียมล่องหน เจอตำรวจ+ปกครองล้อมเพียบจึงหายตัวไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของคดีนางสาวอิสรีย์ อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี เจ้าสำนักสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพระพุทธสักขี ตั้งอยู่เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม โดยนางสาวอิสรีย์หรือแม่ชีอู๋แต่งกายนุ่งห่มจีวรเลียนแบบพระสงฆ์ อ้างว่าเป็นพระยาธรรมมิกราช ร่วมกับสาวกที่เป็นแม่ชีประกอบด้วยนางดรุณี จันทะนาม อายุ 45 ปีหรือแม่ชีทองพูน นางสาวไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปีหรือแม่ชีการ์ตูน นางสาวมะลิวัลย์ เขื่อนขันธ์ อายุ 28 ปีหรือแม่ชีกาเต้ และนางกิติยา ชัยสุนิกร อายุ 46 ปีผู้เป็นฆราวาส รวม 5 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทั้งหมดถูกส่งเข้าเรือนจำกลางนครพนม
ล่าสุด วันที่ 29 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ไปที่สถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวอีกครั้ง บรรยากาศมีแต่ความเงียบเหงา ดอกดาวเรืองที่เคยสะพรั่งทั่วบริเวณก็เหี่ยวเฉา แต่พบว่าภายในยังมีคนอยู่จึงร้องเรียก มีหญิงแต่งกายด้วยชุดขาวเดินออกมาคุยที่ริมกำแพง ทราบชื่อเล่นว่าแม่ชีปลายอายุ 34 ปี พื้นเพเป็นคนบ้านกอกหมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังตำรวจมาจับกุมเจ้าสำนักไป ก็ยังคงมีลูกศิษย์จากต่างจังหวัดแวะมาสอบถามข้อเท็จจริงจากนั้นก็เดินทางกลับ ส่วนในสถานปฏิบัติธรรมยังเหลือผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ 6 คน
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าสำนักที่อ้างตนเป็นพระอรหันต์ แม่ชีปลายบอกเป็นเรื่องของท่านตนไม่ขอไปก้าวก่าย ส่วนที่เชื่อเคารพศรัทธาคือท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมในทางที่ดี ตนจะมองในปัจจุบันจะไม่สนใจว่าอดีตท่านเป็นมาอย่าง แม้ท่านจะนำโฉนดที่ดินบ้านมรดกของครอบครัวไปจำนองนายทุน ตนก็ไม่ขอพูดเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน
ข่าวน่าสนใจ:
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงเรื่องแม่ชีการ์ตูน กรณีสวมวิกและแต่งชุดฆราวาสออกไปย่ำราตรีข้างนอก แม่ชีปลายแจงว่าพวกตนไม่ใช่แม่ชีตามที่สื่อนำเสนอ เหตุที่ต้องโกนหัวเพราะเป็นข้อบังคับของที่นี่ ทุกคนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ดังนั้นเมื่อแฟนของน้องการ์ตูนหรืออีกชื่อหนึ่งว่าน้องน้ำตาลโทรศัพท์ให้ออกไปหา ก็จะนำชุดและวิกใส่กระเป๋าเรียกแท็กซี่หรือขี่รถจักรยานยนต์ออกไปพบแฟนที่เป็นทอม หายไปประมาณ 2-3 วันก็กลับมาปฏิบัติธรรมเช่นเดิม ซึ่งเรื่องนี้เจ้าสำนักก็รู้เรื่องดีและไม่ได้ห้ามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
นางสาวปลายเผยต่อว่าการที่กล่าวหาเจ้าสำนักเสกทองคำได้นั้น เป็นการพูดกันไปเอง คำว่าเสกของท่านคือการไปซื้อทองมาจากร้านขายทอง ถ้าเป็นภาษาชั้นสูงเขาจะเข้าใจ ส่วนที่ถามว่าเจ้าสำนักได้เงินแล้วไปไหนหมด ก็เอาไปซื้อทองมาแจกผู้ที่ลงทุนในกองบุญนี่แหละ ตัวเองก็ร่วมลงทุนด้วยก็ได้ทองคำมาหลายเส้นแล้ว สำหรับคนที่มีหน้าที่ไปซื้อทองที่ร้านจะเป็นน้องการ์ตูนและนางทองพูนหรืออีกชื่อที่ในสำนักเรียกกันว่าพี่พอลลี่
นอกจากนี้มีคนละแวกนั้นซึ่งขอให้ปกปิดชื่อและที่อยู่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า คืนก่อนที่นางสาวอิสรีย์จะถูกจับในวันรุ่งขึ้น มีคนที่อยู่ในสำนักเล่าว่าคืนนั้นนางสาวอิสรีย์เตรียมตัวจะหลบหนี โดยจะออกไปทางด้านหลังที่ทะลุได้หลายทาง ปรากฏว่ารอบๆสำนักมีตำรวจพร้อมฝ่ายปกครองล้อมไว้หมด จึงต้องล้มเลิกกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับมาควบคุมตัว เพราะล่องหนหายตัวไปไหนไม่ได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวนำรูปภาพหญิงสาวหน้าตาดีให้นางสดศรี จันทะฝ่าย อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านติดกับสำนักปฏิบัติธรรมดู ก็บอกว่าเป็นแม่ชีการ์ตูนหรือน้องน้ำตาล แม้จะสวมวิกอย่างไรก็จำได้ เพราะมาซื้อน้ำดื่มกับตนเป็นประจำ ส่วนเรื่องภายในสำนักตัวเองไม่รู้เพราะไม่เคยไปทำบุญ อีกอย่างคนในหมู่บ้านนี้ก็ไม่มีใครเข้ามาทำบุญกัน พวกที่ถูกหลอกจึงเป็นบุคคลจากที่อื่นทั้งนั้น
ทางด้านคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงเดินหน้าสอบเส้นทางการเงินว่า มีการโยกย้ายไปให้ใคร เพราะในบัญชีของนางสาวอิสรีย์เหลือเพียง 8 บาทเท่านั้น ด้านผู้เสียหายก็ทยอยเข้าแจ้งความเพื่อหวังว่าจะได้เงินที่ถูกหลอกไปคืนกลับมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: