กรุงเทพฯ – ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการเยียวยาโควิด ทั้งโครงการ ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ได้สิทธิ์ 31 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ส่วน ‘โครงการเราชนะ’ และ ‘โครงการ ม.33 เรารักกัน’ เพิ่มวงเงินช่วยเหลืออีก 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1,000 บาท เท่ากัน
วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะเร่งด่วน ที่ประชาชนรอคอย ดังนี้
1.โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 คนละ 3,000 บาท จำนวน 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท ระยะเวลาเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564
2.โครงการเราชนะ จำนวนกลุ่มเป้าหมายประมาณ 32.9 ล้านคน เพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้ได้รับสิทธิ์อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ กรอบวงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2564
ข่าวน่าสนใจ:
- สงขลา รวบ 2 พ่อลูกตามหมายจับ สุดซ่าส์เคยชกปาก ตร.ชุดจับกุม ซ้ำ"ขู่สื่อฯ ระวังตัวให้ดี"
- ขอนแก่นเข้มต่อเนื่อง!!เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด รวบคู่รักนักค้ายา หลังฝ่ายชายเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำ
- ตรัง ชาวบ้านสืบสานอนุรักษ์การปลูกข้าวไร่ไว้กินเองครอบครัวเหลือขาย
- นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ ที่ว่าการอำเภอท่าฉาง พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3.โครงการ ม.33 เรารักกัน จำนวนกลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน เพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน มาตรา 33 อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ วงเงินรวม 18,500 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2564
4.ขยายวงเงินโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 จำนวน 13.65 ล้านคน ให้เงินค่าครองชีพเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564) และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ เป้าหมาย 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564)
5.โครงการยิ่งใช้ยิ่งดี (โครงการใหม่) รัฐสนับสนุน E-Voucher (บัตรกำนัล) ให้แก่ประชาชนที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม และค่าบริการ แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน โดยประชาชนที่ใช้จ่าย จะได้รับการสนับสนุน E-Voucher จากภาครัฐ ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 ไปใช้จ่ายในเดือนสิงหาคม -ธันวาคม 2564 คาดว่าจะมีประชาชนเข้าโครงการประมาณ 4 ล้านคน
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง เสนอ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำรายละเอียดโครงการเบื้องต้น เพื่อเสนอให้ ครม.เห็นชอบในหลักการ ก่อนเร่งจัดทำรายละเอียดเชิงลึก เพื่อให้มาตรการมีผลบังคับใช้โดยเร็ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: