กรมราชทัณฑ์ แยกผู้ต้องขังติด-ไม่ติดเชื้อโควิด-19 สกัดการแพร่ระบาด เผย มี 1 คนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เตรียมจัดหาวัคซีนฉีดให้นักโทษทุกคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เตรียมพิจารณาขออภัยโทษ-พัก-ลดโทษ ลดความแออัดเรือนจำ
วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ที่บริเวณด้านหน้ากรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าว กรณีผู้ต้องขังในเรือนจำติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก
โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า การตรวจหาเชื้อสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานมาตรวจ และส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบ ยืนยันจะดูแลผู้ต้องขังอย่างดี จะส่งข่าวให้ญาติผู้ต้องขังได้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อกับกรมราชทัณฑ์ได้ แต่ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องเรื่องการดูแลผู้ต้องขัง เพราะผู้คุมมีจำนวนน้อย รวมถึงการจัดตั้ง รพ.สนาม ซึ่งก่อนหน้านี้ คิดว่าเพียงพอแต่ในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์อยู่ในภาวะวิกฤติ หลังจากนี้จะเร่งจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ พร้อมการแพทย์แผนไทยในการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้ปกปิดข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อในเรือนจำ และได้ประสานการทำงานร่วมกันกับ ศบค. มาตลอด แต่สาเหตุที่ไม่เปิดเผยตัวเลขก่อนหน้านี้ เพราะข้อมูลยังไม่นิ่ง การตรวจยังไม่แล้วเสร็จ รายงานยอดที่ออกไปวานนี้ (12 พ.ค.64) เนื่องจากการตรวจทำได้ครบถ้วน 100% แล้ว สำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์นั้น มีอยู่เพียง 6 คน จึงคาดว่าสาเหตุของการติดเชื้อในเรือนจำ น่าจะมาจากฝั่งผู้ต้องขัง
ข่าวน่าสนใจ:
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลเอาใจใส่พื้นที่ในเรือนจำ เพราะถ้าพบคนติดเชื้อจะลุกลามได้รวดเร็ว ก็ได้พยายามดำเนินการลดความแออัด เพื่อเพิ่มพื้นที่ในเรือนจำ จากเดิมที่มีที่พักในเรือนนอนไม่ถึง 1 ตารางเมตร แต่ขณะนี้ปรับให้อยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียง 1.2 ตารางเมตรแล้ว ทั้งนี้ ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องขังที่ประพฤติตัวดีและข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน พร้อมการพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้งการปรับแก้ประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ถ้าทำได้ จะลดจำนวนผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ
ด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันเช่นกันว่า ไม่เคยปิดบังข้อมูล และ รพ.ราชทัณฑ์ ก็ตรวจมาตลอด เมื่อเดือน เม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดย รพ.สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อได้รถพระราชทานมา จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100 % เพื่อแยกคนติดเชื้อออก ส่วนในจังหวัดอื่น ๆ นั้น ก่อนหน้านี้มีที่เรือนจำนราธิวาส แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว สำหรับที่อื่น ๆ ยังไม่พบ อย่างไรก็ตาม ได้ปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว ส่วนการจัดหาวัคซีนให้ผู้ต้องขังนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ลงนามอนุมัติจัดหาแล้ว คาดว่าจะได้ภายในเดือน มิ.ย.64 ซึ่งจะเริ่มจากกลุ่มเสี่ยงสูงและผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว
เมื่อถามว่า ต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคได้อย่างไรบ้าง นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ในส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว และจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดเป็น สีแดง 4 ราย มี 1 รายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว นอกจากนี้ ยังใช้แนวทาง ‘บับเบิ้ล แอนด์ ซีล’ แยกห้องกักโรคไว้ชัดเจน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: