นครพนม – แจ้งจับอดีตหนุ่มแบงค์ หลอกเหยื่อตายใจตุ๋นเปื่อย 7 ล้านบาท ซัดทอดผู้ร่วมขบวนการเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกัน วางแผนลวงอ้างลูกค้ารีไฟแนนซ์ธนาคาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นายณพล ใบเงิน ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางมะลิ (นามสมมติ) อายุ 65 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ให้ดำเนินคดีอาญากับนายจิรวัฒน์ รัตนกุลวิโรจน์ หรือนามสกุลเดิมช่างถม ชื่อเล่นบิ๊ก อายุ 30 ปี อดีตพนักงานสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 3 บ้านแมด ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาฉ้อโกงเป็นเงิน 7 ล้านบาท หรือข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
โดยนาย ณพล ใบเงินทนายความผู้รับมอบอำนาจเปิดเผยว่า นางมะลิรู้จักกับนายบิ๊กเนื่องจากนายบิ๊กทำงานเป็นพนักงานธนาคารฝ่ายสินเชื่อและนางมะลิเป็นลูกค้าของธนาคารดังกล่าวจึงรู้จักมักคุ้นกัน ก่อนเกิดเหตุนายบิ๊กอ้างกับผู้เสียหายว่ามีลูกค้าต้องการขอกู้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารที่ตนทำงานอยู่ แต่จะกู้ได้ต้องนำเงินสดไปปิดหนี้เดิมเสียก่อน ตนเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อ หากลูกค้าปิดหนี้เดิมแล้ว ก็สามารถมากู้เงินที่ธนาคารที่ตนทำงานได้ทันที จึงต้องการให้นางมะลิช่วยสนับสนุนตนด้วยเพราะหากมีผลงานมากก็จะมีหน้าที่การงานสูงขึ้น จึงอยากยืมเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อนำไปปิดบัญชีหนี้เดิมให้ลูกค้า โดยจะรีบนำมาคืนภายในวันเดียว ด้วยความสงสารนางมะลิจึงมอบเงินสดให้นายบิ๊กไปตามที่ยืมคือ 1 ล้านบาท ปรากฏว่าในวันเดียวกันนายบิ๊กได้นำเงินสด 1 ล้านบาทมาคืนให้ตอนเย็นพร้อมให้ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง ทำให้นางมะลิเชื่อใจนายบิ๊กว่าเป็นคนดีมีสัจจะ
ข่าวน่าสนใจ:
- นครพนม : หมอสงค์ หมอผู้สร้าง เปิดตัวสมัครนายก อบจ.นครพนม พร้อม ส.อบจ.นครพนม
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- “ปลายฝน ต้นหนาว เคาท์ดาวน์ มิวสิคเฟส สุราษฎร์ธานี” ไฮไลท์ประกวดควายไทยมูลค่ากว่า 10 ล้าน
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
จากนั้นเป็นต้นมานายบิ๊กก็จะโทรศัพท์ติดต่อขอยืมเงินจากผู้เสียหายอีกหลายครั้ง โดยจะพูดทำนองเดียวกันและทุกครั้งจะมีค่าตอบแทนให้เสมอ และก่อนเกิดเหตุของคดีนี้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 นายบิ๊กเคยขอยืมเงินถึง 16 ล้านบาท และโอนคืนภายในวันเดียวพร้อมค่าตอบแทน ทำให้นางมะลิเชื่อใจโดยไม่ได้เอะใจ จึงไม่ได้ตรวจสอบว่านายบิ๊กพูดนั้นหลอกลวงหรือไม่
กระทั่งวันเกิดเหตุ คือ วันที่ 29 มีนาคม 2564 นายบิ๊กได้ขอยืมเงินอีกเป็นจำนวน 7 ล้านบาท เพื่อนำไปปิดบัญชีหนี้เดิมให้ลูกค้า นางมะลิจึงไม่ลังเลโอนเงินเข้าบัญชีนายบิ๊กรวม 4 บัญชี เป็นเงินทั้งสิ้น 7 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาเพราะนายบิ๊กไม่ยอมคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย โดยอ้างว่ามีปัญหาติดขัดเนื่องจากเงินที่เอาไปถูกเพื่อนโกงไปไม่ยอมคืน นางมะลิ ทวงเงินคืนประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ไม่ได้เงินคืนจึงให้ลูกชายตรวจสอบธนาคารที่นายบิ๊กทำงานอยู่ว่ามีการรีไฟแนนซ์บ้านจริงตามที่นายบิ๊กอ้างหรือไม่ จึงปรากฏข้อเท็จจริงว่าในวันดังกล่าวที่นายบิ๊กอ้างนั้น ไม่มีลูกค้ามาขอกู้ยืมเงินรีไฟแนนซ์บ้าน และไม่มีการนำเงินไปปิดบัญชีให้ลูกค้าแต่อย่างใด นางมะลิจึงเข้าใจว่าถูกหลอกลวงแล้ว จึงมอบอำนาจให้นายณพล ใบเงิน ทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายบิ๊กกับพวก หลังจากรับแจ้งความพนักงานสอบสวน ได้เรียกตัวนายบิ๊กผู้ถูกกล่าวมาให้ปากคำ เบื้องต้นนายบิ๊กให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การภาคเสธว่าตนได้นำเงินของนางมะลิไปจริง แต่ได้โอนเงินต่อให้กับเพื่อนทั้งหมด โดยเพื่อนรับปากว่าจะคืนให้แต่เพื่อนไม่ยอมคืนตนจึงไม่มีเงินมาคืนให้นางมะลิ และขอเวลาติดตามทวงเงินจากเพื่อนมาคืนให้แก่นางมะลิให้ได้ โดยขอเวลาสองสัปดาห์จะนำเงินมาคืนให้
ล่าสุด วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายจิรวัฒน์ รัตนกุลวิโรจน์ หรือนามสกุลเดิมช่างถม ชื่อเล่นบิ๊ก อายุ 30 ปี อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อให้การเพิ่มเติมว่า ตามที่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ตนให้การภาคเสธในข้อกล่าวหานั้น ตนขอกลับคำให้การเป็นว่า ขอให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การเพิ่มเติมซัดทอดว่า ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ นางกัญญาพัชญ์ ว่องไว ชื่อสกุลเดิม น.ส.สิริสุดา สุขเกษม ชื่อเล่นโจโจ้ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบิว อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 112/99 ถนนประชาร่วมมิตร ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน แนะนำให้ตนไปตีสนิทเพื่อขอยืมเงินจากนางมะลิ โดยให้หลอกว่ามีลูกค้าธนาคาร ต้องการรีไฟแนนซ์แต่ต้องปิดบัญชีหนี้เดิมก่อน จำนวน 7 ล้านบาท หลังนางมะลิเหยื่อยอมโอนเงินให้แล้ว ตนก็โอนต่อไปยังบัญชีของนางกัญญาพัชญ์หรือบิว เพื่อนำไปชำระหนี้ในส่วนของนางบิว โดยนางบิวหรือโจโจ้อ้างจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินสด ให้ตนนำเงินไปลงทุนเกี่ยวกับที่ดิน แต่หลังโอนไปแล้วนางบิวก็ไม่ยอมโอนเงินให้ตนตามที่พูดไว้ ทำให้ตัวเองไม่มีเงินคืนแก่ผู้เสียหายจึงนำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดี
ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและเรียกตัวนางบิวและผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนพร้อมตรวจสอบ เส้นทางการเงินของนางบิวว่า มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้มากน้อยแค่ไหน และจะเชิญตัวมาสอบปากคำตามที่นายบิ๊กผู้ต้องหา รายนี้ ได้ให้การซัดทอดไว้ ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: