สงขลา – สะเดา จ่ายค่าเดินทาง 3,000 สามีพาภรรยาตั้งครรภ์ 5 เดือน อาชีพรับจ้างกรีดยางพาราในประเทศมาเลเซีย ลักลอบข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติ ปีนรั้วชายแดนปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา หวังให้ภรรยาได้ฝากท้อง และคลอดลูกที่บ้านเกิดในจังหวัดสตูล และเป็นการหนีภัยโควิด – 19 ที่ยังพบการระบาดต่อเนื่อง 
24 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารชุด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.5021 ได้รับแจ้งจากนายสุรชัย หมอชื่น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ว่าตรวจพบการลักลอบเข้าเมือง จำนวน 2 ราย ชาย 1 หญิง 1 บริเวณหลักเขตแดนที่ 8 / 69 บ.ตะโล๊ะ ม.8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้หน้าที่ ตร.สภ.ปาดังเบซาร์ ตชด.ชฝต. 4303 และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาดังเบซาร์ ทราบชื่อคือนายอนุชา ยาประจัน อายุ 41 ปี ที่อยู่ 31/1 ม.3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ จ.สตูล และนางสาว สายชล หลงสลำ อายุ 39 ปี ที่อยู่ 31/1 ม.3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ จ.สตูลโดยที่ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน
จากการสอบถามเบื้องต้น นายอนุชา ยาประจัน บอกว่าได้เดินทางเข้าไปยังมาเลเซียประมาณ 2 ปีที่แล้ว เพื่อเข้าไปรับจ้างกรีดยางพารา จนกระทั่งเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนรู้สึกปวดท้อง จึงคิดเดินทางกลับยังภูมิลำเนาเพื่อจะพาภรรยาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลท่าแพ อ.ท่าแพ จ.สตูล เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก ที่สำคัญคือจะได้คลอดในเมืองไทย และส่วนหนึ่งก็เป็นการหนีภัยโควิด – 19 ที่ในมาเลเซียยังมีการระบาดต่อเนื่อง 
ซึ่งได้เก็บสัมภาระพวกเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นเดินทางในเวลาประมาณ 05.00 น.จากบ้านบูโล๊ะซิเร๊ะ รัฐเปอร์ลิส ห่างจากชายแดนไทย ฝั่ง บ.ตะโล๊ะ ม.8 ต.ปาดัง อ.สะเดา จ.สงขลา ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยได้ว่าจ้าง นายฮาเรน ( ชาวมาเลเซีย ) เป็นเงิน 3,000 บาท ขับรถยนต์มาส่งเพื่อเดินทางกลับเข้ามาทางบริเวณรั้วกำแพงปูน โดยใช้บันไดไม้ที่ทำขึ้นพาด และปีนข้ามเข้ามา ก่อนเดินลัดเลาะในป่าและสวนยางพารา จนกระทั่งมีผู้พบเห็นซึ่งห่างจากจุดที่ข้ามมาประมาณ 3 กิโลเมตร
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเบื้องต้น ในการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 พร้อมส่งดำเนินคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับการหลบหนีเข้าเมือง ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามหลักเกณฑ์ของการควบคุมโรคโควิด – 19 ต่อไป
