เชียงราย-เรืออากาศโทชัยรัตน์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ออกมาร้องให้ชาวบ้านที่เช่าซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร กับเอกชน ให้รีบมาลงสัญญากับการเคหะ ใหม่อีกครั้ง แต่ทางเอกชน บอกชาวบ้านยังต้องผ่อนต่อเอกชน ทำให้ชาวบ้านมึน แล้วจะผ่านกลับใครถึงได้บ้าน
วันที่ 15 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่โครงการหมู่บ้านเอื้ออาทรแม่สาย เขต ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต่างสับสน และหลายคนไม่ได้ว่าการผ่อนชำระค่าเช่าบ้าน และการเช่าซื้อที่อาศัยอยู่ เนื่องจากได้มีประกาศจากการเคหะแห่งชาติ ลงวันที่ 14 มิ.ย.2564 ถึงผู้อยู่อาศัยให้กลับไปยื่นคำร้องขอเช่ากับการเคหะแห่งชาติ เนื่องจากสัญญาเช่าเหมาอาคาร และบริหารชุมชนที่มีกับเอกชนที่ทำกับการเคหะแห่งชาติไดัสิ้นสุดสัญญาลงแล้ว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทางเอกชนโดยบริษัทอาร์ ที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้มีประกาศแจ้งเอาไว้ที่ด้านหน้าหมู่บ้านโดยมีเนื้อหาว่าการเคหะแห่งชาติไม่มีสิทธิ์ดำเนินการใดๆ ในโครงการหมู่บ้านเอื้ออาทรดังกล่าว เนื่องจากบริษัทได้ฟ้องดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติโดยคดียังไม่สิ้นสุดทำให้สัญญายังไม่ระงับ ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ของการเคหะแห่งชาติถือเป็นความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
ด้านเรืออากาศโทชัยรัตน์ ทองบริบูรณ์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่าโครงการหมู่บ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการของรัฐ เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อยเช่าซื้อ ดังนั้นต้องคำนึงว่า สิ่งที่ภาคเอกชนทำถูกต้องหรือไม่หากไม่ถูกต้องตนก็จะดำเนินการแน่นอน จึงขอประกาศให้ประชาชนที่อาศัยในโครงการว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ.2564 การเคหะแห่งชาติได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับเอกชน และให้ส่งคืนทรัพย์ทั้งหมดต่อการเคหะแห่งชาติแล้ว ส่วนการที่ภาคเอกชนจะไปขึ้นป้ายใดๆ ก็ไม่สามารถไปห้ามได้แต่สิ่งที่ทราบคือการเคหะแห่งชาติไม่ได้ต่อสัญญาแล้ว และเราจำเป็นต้องการรักษาทรัพย์สินของรัฐ ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ก็ขอให้รีบมาทำคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่พยายามให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยสิ่งที่ดำเนินการคือให้อยู่อาศัยฟรี 1 เดือนในเดือน ก.ค.นี้ จากนั้นจึงค่อยจ่ายค่าเช่าตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไปเดือนละ 1,500 บาท ส่วนผู้ที่ทำสัญญาเช่าซื้อกับทางเอกชนไว้ การเคหะต้องขอดูสัญญาการเช่าซื้อว่าทำถูกต้องหรือไม่อย่างไร และจะพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
เรืออากาศโทชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้ว่าการเคหะแห่งชาติให้เข้ามาดูด้านกฎหมายในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็พบ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย มีสัญญาให้เช่ากับภาคเอกชนทั้งหมดประมาณ 60 สัญญา โดยกรณีของ จ.เชียงราย ที่มีบริษัทอาร์ ทีฯ เป็นคู่สัญญานั้นพบว่าสัญญาได้หมดลงแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในรายละเอียดของสัญญาระบุ ให้ต้องส่งมอบคืนทรัพย์ให้กับการเคหะแห่งชาติหลังจากหมดสัญญา ส่วนประชาชนที่มาทำสัญญาใหม่ กับการเคหะแห่งชาติทางเจ้าหน้าที่ ก็จะขอพิจารณาเป็นรายๆ เพราะยังไม่ทราบว่าแต่ละคนเสียหายอย่างไร และไปทำสัญญากับเอกชนอย่างไร กรณีของภาคเอกชนจะขายให้กับประชาชนก็ต้องแจ้งให้การเคหะแห่งชาติทราบด้วย ทำให้เรื่องนี้มีความสลับซับซ้อน ที่การเคหะแห่งชาติต้องเข้าไปดูและขอให้ประชาชนรีบมาทำสัญญาโดยด่วนด้วย
