ชัยภูมิ –ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่ยังไม่นิ่ง หลังทางจังหวัดเร่งเฝ้าระวังหวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ช่วงเปิดเทอมมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามการเดินทางของกลุ่มแรงงานกลับบ้านทั้งเด็กและผู้ปกครองกลับมาจากพื้นที่จังหวัดเสี่ยงมาส่งบุตรหลานเข้าเรียนในช่วงเปิดเทอม ให้ช่วยกันกักตัวดูอาการระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อโควิดยังไม่ครบ 14 วัน ล่าสุดยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย สสจ.ยันทุกพื้นที่ยังต้องเข้มเฝ้าระวังคลัสเตอร์แรงงานกลับบ้านช่วงเปิดเทอมนี้ต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ รวมป่วยแล้ว 327 ราย ดับแล้ว 9 !
( 17 มิ.ย.64 ) ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ล่าสุดทาง นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ และโฆษกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ยังมีรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นยังมีต่อเนื่อง อีก 1 ราย อยู่ที่ อ.คอนสาร เป็นเพศหญิง อายุ 51 ปี อาศัยอยู่ ม.7 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร ประวัติเสี่ยง เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงเคยเข้าไปพูดคุยใกล้ชิดกับ ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 324 , 325 ที่ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เป็นเพศหญิง อายุ 71 ปี และ 66 ปี อาศัยอยู่ ม.7 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร ซึ่งมีประวัติเสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันมาจากพื้นที่เสี่ยงก่อนช่วงเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
ซึ่งล่าสุดทำให้ จ.ชัยภูมิ มียอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสมทั้งหมดรวม 327 ราย เสียชีวิต 9 ราย ซึ่งชาวจังหวัดชัยภูมิยังต้องช่วยกันเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิดอีกต่อเนื่องในทุกพื้นที่ ที่จะต้องเร่งติดตามไทม์ไลน์ผู้สัมผัสเสี่ยงเพิ่มเติมอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งยังมีกลุ่มคลัสเตอร์แรงงานเดินทางกลับเข้าพื้นที่มาจากพื้นที่เสี่ยง ในช่วงเปิดเทอมที่ผ่านมายังมีอีกจำนวนมากในหลายพื้นที่
ที่ยังต้องรอดูอาการกักตัวรอผลตรวจหาเชื้อยืนยันยังไม่ครบ 14 วัน ซึ่งยังต้องติดตามใกล้ชิดต่อเนื่องจากนี้ไปอีกไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์จากนี้ไป ชาวชัยภูมิยังการ์ดตกไม่ได้ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยอย่างกรณีเพื่อนบ้านติดโควิดรายล่าสุดวันนี้ที่มีขาดมาตรการเว้นระยะห่างเสี่ยงเข้าไปสัมผัสพูดคุยใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงแรงงานที่เดินทางกลับบ้านมาจากพื้นที่เสี่ยงในช่วงเปิดเทอมนี้ และอาจจะกลายเป็นอีกคลัสเตอร์ใหม่ของจังหวัดชัยภูมิ เสี่ยงแพร่เชื้อตามมาอีกจำนวนมากได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: