กระบี่-แจ้ง 8 ข้อหาหนักลูกชาย ผญบ.คลั่งเผาบ้านชาวบ้าน ด้านพ่อคนก่อเหตุยื่นขอลาออก
ความคืบหน้าคดีลูกชาย ผญบ.ที่กระบี่ คลั่งเผาบ้านชาวบ้าน และรถ จยย.เสียหายจำนวนมาก และทำร้ายชาวบ้านเจ็บ 1 ราย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 ก.ค.64 ร.ต.อ.พรพจน์ อ่อนเกลี้ยง รอง สว.(สอบสวน) สภ.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ พร้อมตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.กระบี่ เดินทางไปยังหมู่บ้านศรีบอยา หมู่ 6 ต.เกาะศรีบอยา เพื่อตรวจสถานที่เกิดเหตุจำนวน 9 จุด เป็นบ้านชาวบ้านอยู่กระจัดกระจายกัน โดยพบว่าจุดที่เสียหายหนักที่สุดเป็นบ้าน 2 หลัง แต่ละหลังมีรถ จยย.เสียหายแห่งละ 3 คัน ตำรวจทำแผนที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมกับไปตรวจจุดเกิดเหตุใกล้กับบ้านของนายสุรพงษ์ แย้มทับ คนเจ็บ ซึ่งมีรอยคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้น และนำเอาขวาน ที่คาดว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุทำร้ายนายสุรพงษ์ มาเก็บหลักฐานดีเอ็นเอ ว่าตรงกับดีเอ็นเอผู้ก่อเหตุหรือไม่
ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวสอบถามเอกพงศ์ จีนกลับ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็น 1 ในคนที่ถูกนายบุญเสริม ทำร้ายร่างกาย แต่ได้รับบาดเจ็บไม่รุนแรง มีบาดแผลเป็นรอยถูกตีด้วยของแข็งบริเวณเหนือหน้าผากด้านขวา โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนขี่รถ จยย.ไปที่ร้านค้า ซึ่งคนร้ายเข้าไปซื้อน้ำมัน แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้รู้ว่าคนร้ายกำลังขี่รถตระเวนก่อเหตุ จึงแวะนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาหน้าร้าน โดยจอดรถ จยย.ของตนไว้ข้างศาลา จากนั้นนายบุญเสริม ก็มาที่ร้านถือมีดสปาร์ต้ายาวประมาณ 40 ซม. เดินตรงเข้ามาที่ตนโดนไม่พูดอะไร ก็เข้าทำร้ายตนทันที ด้วยการใช้สันมีดตีมาที่ศีรษะของตน ด้วยความตกใจตนดิ้นหนีออกมาได้ จึงวิ่งหนีกลับบ้านโดยทิ้งรถ จยย.ไว้ที่เกิดเหตุ และไม่ได้หันกลับไปมองอีกว่านายบุญเสริฒ ไปก่อเหตุเผารถ จยย.อีก 2 คันที่จอดอยู่ข้างร้านค้าเสียหาย ซึ่งตนยอมรับว่าตกใจและยังไม่เข้าใจว่าคนก่อเหตุทำไปเพราะอะไร
ข่าวน่าสนใจ:
ขณะที่นายไสว แหลมเกาะ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 98 ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังที่เสียหายหนัก รถ จยย.ถูกเผา และทุบทำลายเสียหายไป 3 คัน กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวตนเชื่อว่าคนที่ลงมือก่อเหตุ ไม่ได้เป็นคนสติไม่ดีตามที่เป็นข่าว ตนเชื่อว่าคนก่อเหตุเลือกที่จะก่อเหตุ เพราะจากการสำรวจบ้านที่เสียหายจำนวน 9 หลัง พบว่าเป็นบ้านของกลุ่มคนที่เคยมีปัญหากับนายบุญเสริม มาก่อน เพราะก่อนนี้ตน และกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหาย เคยไปขอร้องให้พ่อของนายบุญเสริม ซึ่งเป็น ผญบ. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องลูกชายที่เสพยาจนไปก่อเรื่องใส่ชาวบ้านบ่อยครั้ง ก่อเรื่องมานานร่วม 2 ปีแล้ว ซึ่งชาวบ้านสุดจะทนจนเตรียมล่ารายชื่อทำหนังสือไปยื่นอำเภอ เพื่อขอให้ถอดนายประกิจ ออกจากตำแหน่ง ผญบ.ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะเป็นชนวนเหตุทำให้นายบุญเสริม ไม่พอใจได้ จึงไม่เชื่อว่านายบุญเสริม ก่อเหตุเพราะสติไม่ได้ แต่เป็นการเตรียมการมาอย่างดีมากกว่า รวมถึงเลือกเป้าหมายชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ชาวบ้านจะไปยื่นหนังสือให้นายอำเภอดำเนินการถอด ผญบ.ออกจากตำแหน่งด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายประกิจ ผญบ.ซึ่งเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ ปรากฎว่าวันนี้บ้านปิดเงียบ ทราบจากเพื่อนบ้านว่าทั้งนายประกิจ และภรรยา เดินทางขึ้นไปทำธุระบนฝั่ง จึงลองโทรศัพท์ติดต่อไป แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาจึงเดินทางไปสอบถามปัญหาดังกล่าวกับนายวิสูตร พฤกษสุวรรณ นอภ.เหนือคลอง ซึ่งนายวิสูตร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจากนายประกิจ แล้ว โดยเจ้าตัวยอมรับกับสิ่งที่ลูกชายก่อ และแสดงความรับผิดชอบด้วยการแจ้งขอลาออก ซึ่งตนให้ทำหนังสือมาเป็นทางการ และมีผลให้ออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายกับชาวบ้าน ก็ขอให้เจ้าตัวไปเจรจากับผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งตัวนายประกิจ เองก็แจ้งกับตนว่าจะยอมรับชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งตนอยากฝากเตือนเรื่องยาเสพติดไปยังผู้นำชุมชน กำนัน ผญบ.ให้ดูกรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญ และดูแลคนในครอบครัวของตัวเอง อย่าให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะทางกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งกำชับเรื่องนี้มาตลอด “หากพบว่ามีกำนัน ผญบ. หรือบุคคลในครอบครัว เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาจถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานจงใจไม่ปฏิบัติราชการตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ มติ ครม.และนโยบายรัฐบาล”
ในส่วนของตัวผู้ก่อเหตุ คือนายบุญเสริม กุลดี อายุ 36 ปี ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่ สภ.คลองขนาน โดยในวันนี้ ตำรวจนำตัวออกไปสอบปากคำ หลังมีผู้เสียหายเป็นเจ้าของบ้าน 8 หลัง เจ้าของรถ จยย. 6 ราย เข้ามาแจ้งความ ซึ่งพ่อของผู้ก่อเหตุ คือนายประกิจ กูลดี ผญบ.หมู่ 6 ติดต่อให้ทนายความเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำลูกชายด้วย เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การวกไปวนมาในบางประเด็น แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมดจริง ส่วนปมเหตุจะมาจากเรื่องอะไร ทางทนายความของผู้ต้องหาอ้างว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิต ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการให้การ ภายหลังสอบปากคำเสร็จ ทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา วางเพลิงเผาทรัพย์ (บ้าน) รวม 8 หลัง, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น (รถ จยย.รวม 6 ราย) และทรัพย์สินอื่น ๆ, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำให้เสียทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ (น้ำมัน 6 ลิตร) โดยมีอาวุธปืนโดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด, พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน และบุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: