นครพนม – หนุ่มช่างจูนเครื่องยนต์ ผู้ต้องหาวิ่งราวสร้อยคอทองคำ อัดอั้นใจอ้างแก๊งเงินกู้โหดยกพวกยึดอุปกรณ์หากิน ข่มขู่บังคับส่งดอกลอยทุกวัน
วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ณัฎฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รอง ผกก.สอบสวนฯ พ.ต.ท.จีรุฏฐ์ พิมพา รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองนครพนม ร.ต.อ.พยุง ศรีโฮง พนักงานสอบสวนฯ เจ้าของคดี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์นำตัวนายศราวุธ สัตนาโค หรือโตโต้ อายุ 25 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 5 บ้านอาจสามารถ อ.เมืองนครพนม ออกจากห้องควบคุมเพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ณ ที่เกิดเหตุร้านทองหมออุทัย เลขที่ 496 ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม เหตุเกิดเมื่อประมาณ 15.45 น.วันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เนื่องจากตามวันและเวลาดังกล่าว นายโตโต้ผู้ต้องหาลักษณะสวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลม กางเกงยีนส์ขาสั้น ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ขับรถ จยย.ยี่ห้อ GPX รุ่น DEMON สีดำ-ส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดอยู่บนถนนอภิบาลบัญชาห่างจากร้านประมาณ 20 เมตร ทำทีเข้าไปขอเลือกดูทองคำรูปพรรณกับนายอัครเดช ตันสุวรรณ อายุ 38 ปี เจ้าของร้าน ขณะนั้นยืนให้บริการลูกค้าเพียงลำพังคนเดียว ส่วนภรรยาและลูกเรียนออนไลน์อยู่ด้านหลังร้าน โดยผู้ต้องหาขอเลือกดูสร้อยคอทองคำถึง 3 ครั้ง ในสองครั้งแรกมาดูแล้วเดินออกไป กระทั่งครั้งที่ 3 ก็ขอดูสร้อยคอฯ หนัก 2 บาท แกล้งลองนำมาสวมใส่คอทีละเส้น ระหว่างที่นายอัครเดชเผลอก็ฉวยโอกาสวิ่งออกนอกร้านไปสตาร์ทเครื่อง จยย.ขับหลบหนี โดยมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาลนครพนม นายอัครเดชผู้เสียหายจึงโทรศัพท์แจ้งความพนักงานสอบสวนดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ณัฎฐ์วิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม เรียกประชุมด่วนกับชุดพยัคฆ์ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองนครพนม โดยมอบให้ พ.ต.ท.จีรุฏฐ์ พิมพา รอง ผกก.สืบสวนฯ เร่งติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดี ชุดพยัคฆ์จึงกระจายกำลังติดตามคนร้ายตามตำหนิรูปพรรณ และยานพาหนะ ในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี ประกอบกับได้ดำเนินการสืบสวนเชิงลึกในสื่อโซเซียล ถึงตำหนิที่ชัดเจนของคนร้ายคือมีรอยสักขนาดใหญ่บริเวณหลังมือซ้าย จนได้รูปภาพใบหน้าและตำหนินำไปให้เจ้าของร้านยืนยัน ปรากฏว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันที่วิ่งราวทรัพย์
เวลาประมาณ 23.00 น. ชุดสืบสวนจึงตรวจสอบที่อยู่ของชายผู้ต้องสงสัย และเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งอยู่หมู่ 5 ต.อาจสามารถ พบนายโตโต้นอนหลับอยู่ในห้อง จึงปลุกขึ้นมารับทราบข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นคนที่วิ่งราวทรัพย์ร้านทองหมออุทัยจริง พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ที่ซุกซ่อนไว้ในถุงผ้าสีแดงในห้องนอน นอกจากนี้พบรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่หลังบ้าน ส่วนเสื้อผ้าถอดใส่อยู่ในตะกร้าซักผ้า จึงนำตัวมาสอบสวนถึงสาเหตุจูงใจในครั้งนี้
นายโตโต้เล่าว่ามีอาชีพเป็นช่างตรวจเช็คเครื่องยนต์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และบริการจูนเครื่องยนต์เพิ่มแรงม้า โดยกู้ยืมเงินกับกลุ่มเงินกู้นอกระบบจำนวน 15,000 บาท มาลงทุนรับจ้างทำงานดังกล่าว ปรากฏว่าถูกลูกค้าหลายคนโกงไม่ยอมจ่ายเงินค่าบริการ จึงไม่มีเงินส่งดอกลอยแก่เจ้าหนี้เงินกู้ วันละ 300 บาท เคยขอผ่อนผันนายทุนเงินกู้ยืดเวลาไป 1 เดือน เพื่อให้ตนหาเงินมาส่งคืน แต่กลับถูกนายทุนยกพวกมาเกือบ 10 คน ยึดอุปกรณ์ทำมาหากินไปจนหมด พร้อมข่มขู่ให้ตนต้องหาเงินมาส่งดอกลอยวันละ 300 บาท ไม่เช่นนั้นจะมารุมกระทืบถึงบ้าน ตนพยายามไปสมัครงานร้านอาหารก็ถูกปฏิเสธเพราะอยู่ในสถานการณ์โควิด จนตรอกคิดอะไรไม่ออกจึงตัดสินใจวิ่งราวสร้อยคอทองคำดังกล่าว เมื่อกลับมาถึงบ้านได้สติตั้งใจจะนำทองที่วิ่งราวไปคืนแต่ก็ถูกตำรวจมาจับกุมเสียก่อน ด้านพนักงานสอบสวนหลังได้นำตัวนายศราวุธไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จเรียบร้อย ก็ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนมในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ขณะรายงานยังไม่มีญาติผู้ต้องหาติดต่อขอประกันตัวแต่อย่างใด
