พระนครศรีอยุธยา-รองผู้ว่าฯ ตรวจติดตามสถานการณ์ติดเชื้อโควิด 19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน พบติดเชื้อแล้ว 1,084 คน ผู้คุมติดด้วย 5 คน
วันที่ 3 สิงหาคม นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การติดเชื้อของนักโทษในเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายฉลาด อ่อนหัวโทน ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตัวแทนอำเภอพระนครศรีอยุธยา ตัวแทนสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมติดตามสถานการณ์ในครั้งนี้ โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำ โดยในเรือนจำแห่งนี้ มีผู้ต้องขังอยู่ 2,322 คน พบผู้ติดเชื้อจำนวน 1,084 คน มีคุมติดเชื้อ 5 คน ซึ่งสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี ได้ประสานนำรถพระราชทานตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่ และรถเอ็กซเรย์พระราชทานเคลื่อนที่เข้าไปตรวจนักโทษในเรือนจำ เพื่อสแกนปอดของผู้ต้องขัง โดยจะใช้เวลา 2 วันในการตรวจเอ็กซเรย์นักโทษทั้งหมด โดยทางเรือนจำได้ดำเนินการคัดแยกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ ออกไปอยู่ในแดน B แบ่งเป็นห้อง ๆ ละ 50 คน ส่วนผู้ต้องขังไม่ติดเชื้อจะแยกไว้ที่แดน A และสถานควบคุมและตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ทางเรือนจำได้ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จัดหายาฟาวิพิราเวียร์ และยาฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ติดเชื้อเพื่อไม่ให้เชื้อลงปอด พร้อมกันนี้ได้มีการจัดอาสาสมัคร อสจร. เป็นผู้ต้องขังที่มีวุฒิภาวะและความรู้มาช่วยดูแลผู้ติดเชื้อด้วย
จากนั้นได้เดินทางไปยังทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวีระ ทวีชนม์ ผู้อำนวยการทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา พร้อมทีมสาธารณสุขโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การติดเชื้อโควิด โดยทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยามีผู้ต้องขังรวม 1,756 คน พบผู้ติดเชื้อ 305 คน ผู้คุมติดเชื้อ 9 คน ผู้ต้องขังได้รับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 จำนวน 480 คน โดยทางทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ได้คัดแยกผู้ติดเชื้อแต่ละแดนออกจากกันมารวมกันจุดเดียว พร้อมจัดหาฟ้าทะลายโจร และยายาฟาวิพิราเวียร์ ให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสีเหลือง และสีเขียว แล้ว
นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุดทราบว่า ทางเรือนจำและทัณฑสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินการคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมาจากแยกผู้ยังไม่ติดเชื้อ และไม่ได้ลงทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด โดยทางเรือนจำได้ประสาน รพ.พระนครศรีอยุธยา ให้การรักษาแก่ผู้ต้องขังที่มีอาการไม่มากนัก และได้เน้นย้ำมาตรการให้ผู้ต้องขัง สวมแมสก์ ตลอด 24 ชั่วโมงและใช้เจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งสบู่ล้างมือ บ่อยๆ เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: