ชัยภูมิ – หนีออกจากพื้นที่การแพร่ระบาดโควิดในเมืองกรุง ไปหานอนนั่งซมตามริมทางเท้า ตามริมถนนในหลายพื้นที่ของภาคอีสานตามมาอีกเป็นจำนวนมากในขณะนี้ เริ่มพบโผล่อ้างหลงเข้าพื้นที่มาหาญาติติดต่อไม่ได้ กลับภูมิลำเนาตัวเองในต่างจังหวัดไม่ถูก ต้องเร่งประสานจังหวัดเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเร่ร่อนดังกล่าว จัดรถไปส่งคืนญาติในพื้นที่ข้ามต่างจังหวัดกันวุ่นตลอดคืนต่อเนื่อง หลายพื้นที่ ด้านชาวบ้านผวาหวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่มาปะทุซ้ำเพิ่มในจังหวัดหนักอีกหลังยอดผู้ป่วยโควิด-19 ภายในจังหวัดชัยภูมิ ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องรายวันยังไม่หยุด ป่วยแล้วใกล้ทะลุครึ่งหมื่น ตายแล้ว 38 ศพ!
( 7 สิงหาคม พ.ศ.2564 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นสูงรายวันต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้าน นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ รับแจ้งมีผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่รายใหม่เพิ่มขึ้นรวม 153 ราย แยกเป็นโครงการรับผู้ป่วยกลับบ้าน 141 ราย แยกเป็นผู้ป่วยภายในจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 12 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ 5 ราย ,อ.เกษตรสมบูรณ์ 2 ราย อ.จัตุรัส 1 ราย อ.บ้านแท่น 2 ราย และ อ.บำเหน็จณรงค์ 2 ราย ทำให้ล่าสุด จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมรวม 4,785 ราย เสียชีวิตสะสมรวมแล้ว 38 ราย(ศพ) ซึ่งยังต้องติดตามกลุ่มเสี่ยงมากักตัวตรวจหาเชื้อตามมาอีกเป็นจำนวนมากต่อเนื่อง
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ ได้พูดเรื่องดังกล่าว ภายหลังได้ร่วมกับนาง ณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชัยภูมิ ได้นำข้าวกล้อง น้ำดื่ม เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ไปมอบช่วยเหลือให้ผู้ได้รับผลกระทบ ตกงาน ค้าขายไม่ได้ ทำมาหากินไม่ได้ ที่ชุมชนหนองบ่อ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ
ซึ่งพบว่ามีความเดือดร้อนจากโควิด-19 ในจุดนี้จำนวน 250 ครอบครัว เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อน อีกทั้งเป็นการมอบกำลังใจให้ประชาชนในการดำเนินชีวิตในช่วงเวลาที่ต้องดูแลตนเอง อย่างเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐในขณะนี้ด้วย
รวมทั้งมาตรการการป้องกันที่มติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งกำชับไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้ช่วยกันเร่งหยุดการแพร่เชื้อแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในจังหวัดชัยภูมิ ที่ยังมีแนวโน้มมีผู้ป่วยภายในจังหวัดกลับมาปะทุเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเริ่มพบป่วยในจังหวัดเพิ่มรายวันสูงกว่าวันละกว่า 15 ราย อีกต่อไปไม่ได้แล้ว และหวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่ปานปลายต่อไปอีกยังไม่หยุดได้
ซึ่งขอให้ทุกหน่วยได้เร่งตรวจสอบไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อในทุกพื้นที่ทุกคนอย่างละเอียด นำกลุ่มเสี่ยงทุกคนเข้ากักตัว และตรวจหาเชื้อให้มีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะล่าสุดพบว่ามีกลุ่มคนที่เริ่มการ์ดตก การกระจายเชื้อส่วนใหญ่จะเป็นการจัดสังสรรค์ในวันเกิดในครอบครัวจนติดเชื้อกันยกครัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้อยากจะขอให้ช่วยกันงดกิจกรรมประเภทนี้ไว้ก่อนเด็ดขาดด้วย ยกเว้นงานศพที่ก็ต้องอยู่ในมาตรการควบคุมคนมาร่วมงานและมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นผ่านการตรวจสอบของ คณะกรรมการควบคุมโรค หรือ สสจ.ชัยภูมิ ด้วย
ขณะที่ล่าสุดในตลอดช่วงกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ชาวบ้านประชาชนในพื้นที่ต่างเริ่มพากันหวาดผวาว่าจะเกิดกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ในกลุ่มคนเร่ร่อน หนีการแพร่ระบาดหนักจากพื้นที่เสี่ยงทั้งใน กทม.และจังหวัดใกล้เคียง เหมือนผึ้งแตกรังดาวกระจายออกมาเร่ร่อนในหลายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เสี่ยงจะเข้ามาซ้ำการแพร่ระบาดหนักเพิ่มอีกในจังหวัดได้ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เร่งหาแนวทางมาตรการลงมาช่วยป้องกันแก้ไขเป็นการด่วนในครั้งนี้ด้วย
โดยเฉพาะการพบเห็นกลุ่มบุคคลเร่ร่อน หอบกระเป๋าสัมภาระที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เร่ร่อนเดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดอื่น มาหาเดินเพ่นพ่าน ผ่านชุมชนหนาแน่น ย่านตลาดไปหานอนพักตามศาลารอรถริมทาง ไปนอนตามทางเท้า บันไดทางเดินเข้าร้านสะดวกซื้อต่างๆ จำนวนมากขึ้น
ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่ามาจากพื้นที่เสี่ยงจาก กทม. และจังหวัดเสี่ยงพื้นที่สีแดงเข้มในขณะนี้ โดยส่วนใหญ่อ้างว่ามาหาญาติแต่ติดต่อไม่ได้ ซึ่งไม่ได้เป็นคนที่ จ.ชัยภูมิ มานอนรอหาญาติ และรถจะเดินทางต่อกลับภูมิลำเนาไปจังหวัดอื่น ที่ จ.นครปฐม บ้าง จ.นครสวรรค์ บ้าง และจังหวัดต่างๆไปทั่วในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) อีกเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ทั้ง ทางเจ้าหน้าตำรวจ พมจ.ชัยภูมิ และ รพ.จะช่วยกันเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มบุคคลเร่ร่อนเดินมานั่งอยู่ในพื้นที่ในวงจำกัดเพื่อรออยู่ที่หน้า สภ.แต่ละแห่ง เพื่อไม่ไปอยู่ในชุมชนหนาแน่นเสี่ยงต่อการเป็นพาหะ หรือเป็นผู้มีเชื้อไปแพร่ต่อคนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ตามมาอีกจำนวนมากได้ ระหว่างต้องรอชุด จนท.สวมชุด PPE ป้องกันเชื้อ และนำ รพ.มารับตัวต้องเหนื่อยกันวุ่นมาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา และประสานจังหวัดปลายทางที่กลุ่มคนเร่ร่อนมีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อนำตัวขึ้นรถปลอดเชื้อป้องกันไว้ก่อน ไปส่งตัวต่อให้ญาติ และ จนท.ในต่างจังหวัดใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเร่ร่อน เพื่อช่วยรับตัวไปตรวจหาเชื้อและนำเข้าสู่ระบบการรักษาเพื่อหยุดการแพร่เชื้อไม่ให้ซ้ำหนักมากไปกว่านี้โดยเร็วต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: